สหรัฐอเมริกาและอาเซียนร่วมมือกันเอาชนะโรคโควิด-19 สร้างการฟื้นตัวในระยะยาว และส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

สหรัฐอเมริกาและอาเซียนร่วมมือกันเอาชนะโรคโควิด-19 สร้างการฟื้นตัวในระยะยาว และส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

แถลงการณ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ไมเคิล อาร์. ปอมเปโอ
วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2563

บรรดาสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของเรามายาวนาน ดังที่เราร่วมมือกันรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และวางแผนสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เราให้คำมั่นว่าจะคงความร่วมมือกับอาเซียน เพื่อเอาชนะการแพร่ระบาดครั้งนี้ และจะกลับมาร่วมกันสร้างอนาคตที่สดใสให้ภูมิภาคนี้ต่อไป

สหรัฐฯ ขอขอบคุณหุ้นส่วนในอาเซียนของเราที่ช่วยสนับสนุนอย่างมากในการลำเลียงเวชภัณฑ์ที่จำเป็นไปยังสหรัฐฯ ให้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนอำนวยความสะดวกแก่เที่ยวบินรับส่งบุคคลกลับภูมิลำเนาของเรา ตัวอย่างเช่น เวียดนามเร่งขั้นตอนการอนุญาตเที่ยวบินเช่าเหมาลำเพื่อขนส่งชุดป้องกันส่วนบุคคลจำนวน 2.2 ล้านชุดไปยังสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะมีการขนส่งชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เพิ่มเติมในอีกไม่กี่สัปดาห์จากนี้ นอกจากนี้ ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน มาเลเซียได้อำนวยความสะดวกในการจัดส่งถุงมือสำหรับบุคลากรด้านสาธารณสุขในสหรัฐฯ กว่า 1.3 ล้านกิโลกรัมอย่างรวดเร็วฉับไว อีกทั้งกัมพูชายังช่วยชาวอเมริกันจากเรือสำราญเวสเตอร์ดัมให้เดินทางกลับประเทศโดยสวัสดิภาพด้วย

สหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าให้การสนับสนุนอย่างล้นหลามแก่ชาติสมาชิกอาเซียนเพื่อช่วยรับมือการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 สหรัฐฯ ขอเรียกร้องให้ทุกประเทศเผยแพร่และแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างครบถ้วนโปร่งใส ความโปร่งใสช่วยรักษาชีวิตคนขณะที่การปกปิดข้อมูลนำพาชีวิตสู่ความเสี่ยง ในการประชุมครั้งนี้ ผมมีความยินดีที่ได้ประกาศโครงการ U.S.-ASEAN Health Futures ซึ่งมุ่งยกระดับการดำเนินงานความมั่นคงด้านสุขภาพผ่านการศึกษาวิจัย การสาธารณสุข และการอบรมบุคลากรด้านสาธารณสุขของอาเซียน จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ได้จัดสรรทุนช่วยเหลือฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกว่า 35.3 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยประเทศสมาชิกอาเซียนต่อสู้กับไวรัสชนิดนี้ โดยเพิ่มเติมจากความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขมูลค่า 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐตลอดทั่วอาเซียนในระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สหรัฐฯ ขอเรียกร้องให้ทางการที่เกี่ยวข้องใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่ออำนวยความสะดวกแก่การลำเลียงบริการและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสำหรับประชากรกลุ่มเปราะบางทั่วภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก รวมถึงผู้พลัดถิ่นอันเนื่องมาจากความรุนแรงภายในเมียนมา สหรัฐฯ ขอให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกับสหประชาชาติและองค์การด้านมนุษยธรรมเพื่อให้ความช่วยเหลือส่งถึงชาวโรฮีนจาและผู้พลัดถิ่นกลุ่มอื่นๆ

สหรัฐฯ พร้อมนำทุกเครื่องมือที่มีมาใช้เพื่อที่จะจำกัดความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดใหญ่ครั้งนี้พร้อมกับฟื้นฟูการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เราเริ่มต้นจากรากฐานอันเข้มแข็งมั่นคงด้วยการค้าสองทางมูลค่า 294,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของสหรัฐฯ ในประเทศสมาชิกอาเซียนมูลค่า 273,000 ล้านเหรียญสหรัฐ บรรษัทการเงินเพื่อการพัฒนาของสหรัฐฯ (U.S. Development Finance Corporation) ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั่วภูมิภาค โครงการระบบเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน (ASEAN Single Window) ที่องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) สนับสนุนนั้น ช่วยเพิ่มความสะดวกในการปรับใช้การค้าแบบปราศจากการสัมผัส (contactless) ในวงกว้างขึ้นทั่วอาเซียน โครงการ U.S.-ASEAN Internship Program ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดรับตำแหน่งต่างๆ ในบริษัทใหญ่หลายแห่งของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ โครงการ U.S.-ASEAN Smart Cities Partnership ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนสหรัฐฯ ด้านโซลูชันเมืองอัจฉริยะและเศรษฐกิจดิจิทัล สหรัฐฯ ยึดมั่นรักษาการลงทุนระยะยาวของเราในความช่วยเหลือด้านวิชาการทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ผ่านโครงการทวิภาคีของ USAID ในประเทศสมาชิกอาเซียน อันได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย สปป.ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม

เมื่อพิจารณาความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างสัตว์ป่าผิดกฎหมายที่ขายในตลาดสดกับโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคนแล้วนั้น สหรัฐฯ ขอเรียกร้องให้สาธารณรัฐประชาชนจีนปิดตลาดสดค้าสัตว์ป่ารวมถึงตลาดทั้งหมดที่ขายสัตว์ป่าผิดกฎหมายเป็นการถาวร ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลชาติอาเซียนทุกประเทศดำเนินการเช่นเดียวกันด้วย

แม้ในยามที่ต่อสู้กับโรคระบาดนี้ เรายังคงต้องระลึกว่าภัยคุกคามระยะยาวต่อความมั่นคงร่วมกันของเรายังไม่หายจากไปแต่อย่างใด อันที่จริง ภัยคุกคามเหล่านี้กลับยิ่งปรากฏชัดขึ้น รัฐบาลจีนเคลื่อนไหวโดยอาศัยประโยชน์จากเหตุเบี่ยงเบนความสนใจนี้ ตั้งแต่การออกประกาศฝ่ายเดียวครั้งใหม่เพื่อสถาปนาเขตการปกครองเหนือหมู่เกาะและพื้นที่ทางทะเลในข้อพิพาททะเลจีนใต้ ทั้งจมเรือประมงเวียดนามเมื่อต้นเดือนนี้ และตั้ง “สถานีวิจัย” หลายแห่งบนแนวเกาะปะการังเฟียรี ครอส รีฟ (Fiery Cross Reef) และซูบี รีฟ (Subi Reef) สาธารณรัฐประชาชนจีนยังคงวางกำลังติดอาวุธบริเวณรอบหมู่เกาะสแปรตลี (Spratly Islands) โดยล่าสุดได้ส่งกองเรือที่มีเรือสำรวจแหล่งพลังงานลงพื้นที่ด้วยจุดประสงค์เดียวคือเพื่อข่มขวัญผู้อ้างกรรมสิทธิ์รายอื่นไม่ให้เข้ามาพัฒนากิจการไฮโดรคาร์บอนนอกชายฝั่ง จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเน้นย้ำถึงการกระทำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่แสวงประโยชน์จากช่วงเวลาที่โลกมุ่งความสนใจไปยังวิกฤตการณ์โรคโควิด-19 โดยดำเนินพฤติกรรมยั่วยุอย่างต่อเนื่อง พรรคคอมมิวนิสต์จีนแสดงอำนาจทางการทหารและข่มขู่ประเทศเพื่อนบ้านในทะเลจีนใต้ถึงขั้นจมเรือประมงเวียดนาม สหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการกระทำรุกรานของจีน และหวังว่าชาติอื่นจะเห็นว่าจีนควรรับผิดชอบต่อการกระทำนี้เช่นกัน

สหรัฐฯ แสดงความกังวลต่อรายงานทางวิทยาศาตร์ที่ชี้ให้เห็นว่าการบริหารจัดการเขื่อนต้นน้ำของทางการจีนได้เปลี่ยนแปลงกระแสการไหลของแม่น้ำโขงโดยเป็นการกระทำแต่ฝ่ายเดียว รายงานฉบับดังกล่าวพบว่าการบริหารงานเขื่อนลักษณะนี้ทำให้ประเทศลุ่มน้ำโขงได้รับปริมาณน้ำลดลงมาเป็นเวลาหลายปี โดยในช่วงฤดูแล้งที่ผ่านมาได้ส่งผลรุนแรงยิ่งต่อผู้คนกว่า 60 ล้านคนที่พึ่งพาอาศัยแม่น้ำโขงทั้งด้านอาหาร พลังงาน และการคมนาคมขนส่ง

ประวัติศาสตร์สายสัมพันธ์ระหว่างผู้คนนับพันล้านในอเมริกาและอาเซียนเป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจในเชิงบวก พวกเราเคยเผชิญความท้าทายร่วมกันมาแล้ว พวกเราได้ร่วมมือกันช่วยให้ประชาชนของเรามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ปลอดภัยและมั่งคั่งยิ่งขึ้น เรามุ่งมั่นดำเนินการต่อไปในการสร้างอนาคตบนพื้นฐานแห่งหลักการอันจริงแท้ที่ได้พิสูจน์แล้ว อันเป็นหลักการที่เรายึดถือร่วมกัน นั่นคือความเป็นแกนกลางของอาเซียน ความเปิดเผย ความโปร่งใส กรอบการดำเนินงานที่ยึดมั่นในกฎกติกา ธรรมาภิบาล และการเคารพอำนาจอธิปไตย

*การแปลนี้จัดทำขึ้นโดยความอนุเคราะห์และเฉพาะต้นฉบับภาษาอังกฤษเท่านั้นที่ควรถือว่าเชื่อถือได้