คำกล่าวของรมต.กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มาร์ก ที. เอสเปอร์ ระหว่างลงนามแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศระหว่างสหรัฐฯและไทย
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2562
ณ กระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทย กรุงเทพฯ
ท่านนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ ขอบคุณครับที่ต้อนรับผมในโอกาสที่มาเยือนราชอาณาจักรไทยเป็นครั้งแรกในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผมรู้สึกประทับใจบทบาทของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา หรือ การประชุม ADMM-Plus ปีนี้เป็นอย่างยิ่ง และต้องขอบคุณที่ท่านทำหน้าที่ประธานอาเซียนในปีนี้เช่นกัน
ประเทศของเราทั้งสองมีประวัติศาสตร์ร่วมกันมาช้านาน และดำรงไว้ซึ่งมิตรภาพที่แน่นแฟ้นและมั่นคงเป็นเวลากว่า 200 ปี อีกทั้งยังมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในมิติความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ ซึ่งยกระดับความมั่นคงของสหรัฐฯ และไทยในระยะยาว อีกทั้งรักษาเสถียรภาพของภูมิภาคนี้ ตลอดจนส่งเสริมผลประโยชน์และคุณค่าร่วมกัน
การลงนามแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม ค.ศ. 2020 ในวันนี้เน้นย้ำพันธกรณีต่อการเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯ และไทย รวมถึงความร่วมมือที่มากขึ้นต่อไป ในแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม ค.ศ. 2020 เราได้วางแผนเพิ่มการปฏิบัติการร่วมกัน การพัฒนาหน่วยงานทางการทหารให้มีความทันสมัย การแลกเปลี่ยนข้อมูล และการขยายขอบเขตการฝึกและอบรมต่างๆ วิสัยทัศน์นี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในฐานะพันธมิตร ที่จะดำเนินการในเชิงรุกร่วมกันเพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้ เพื่อยกระดับผลประโยชน์ด้านความมั่นคงระหว่างกัน
ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกยังคงเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญอันดับหนึ่งสำหรับสหรัฐฯ เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนพันธมิตรและหุ้นส่วนในภูมิภาคนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกประเทศจะมีโอกาสเดินหน้าสู่ความมั่นคงและความมั่งคั่ง โดยปราศจากการบังคับและข่มขู่จากภายนอก นับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะต้องร่วมมือกันดำรงไว้ซึ่งระเบียบที่ยึดมั่นในกฎกติการะหว่างประเทศ ซึ่งได้ทำให้ประเทศและภูมิภาคของเรามีความมั่นคงมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ เราเชื่อว่าอาเซียนเป็นแกนกลางของความพยายามดังกล่าวและรู้สึกขอบคุณประเทศไทยอย่างยิ่งที่ปฏิบัติหน้าที่ผู้นำในปีนี้ โดยรวมถึงการเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดการฝึกผสมทางทะเลระหว่างสหรัฐฯ-อาเซียน เมื่อเดือนที่ผ่านมาด้วย
นอกจากนี้ เรายังประทับใจบทบาทของไทยในการเป็นประธานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อจัดการการประชุมของคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางทะเล ภายใต้กรอบการประชุม ADMM-Plus ซึ่งเป็นเวทีที่ทรงคุณค่าเพื่อยกระดับการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเพื่อรักษาความมั่นคงและเปิดกว้างของน่านน้ำสากลที่สำคัญยิ่ง เราจะต้องดำเนินการเพื่อปกป้องสิทธิ์ของทุกประเทศต่อไป ด้วยการสนับสนุนเสรีภาพในการเดินเรือ การบินผ่าน และการใช้ทะเลในทางอื่นที่ชอบด้วยกฎหมาย
ผมมีความยินดีอย่างยิ่งต่อทิศทางของความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งสองประเทศ ดังที่แถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม ค.ศ. 2020 ได้แสดงให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า สหรัฐฯ และไทยเป็นพันธมิตรที่มีผลประโยชน์ร่วมกันในด้านสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่งคั่ง กองทัพและชาติของเราจะได้รับประโยชน์อย่างยิ่งยวดจากการร่วมมือระหว่างกันต่อไป
ขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีประยุทธ์อีกครั้งนะครับ สำหรับการประชุมที่เป็นประโยชน์อย่างสูงในช่วงเช้าวันนี้ ผมตั้งตารอที่จะได้ร่วมหารือกันอีกในระหว่างช่วงเวลาสองวันข้างหน้านี้