จัดทำโดยสำนักงานประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและแรงงาน
รายงานการปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนประจำปี พ.ศ. 2560
ประเทศไทย
รายงานสรุป
ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์พระประมุขภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จขึ้นทรงราชย์เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 หลังจากการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระบรมชนกนาถ ในเหตุการณ์รัฐประหารโดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อเมื่อปี พ.ศ. 2557 ผู้นำฝ่ายทหารและตำรวจภายใต้ชื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้นเป็นหัวหน้าคณะ ได้ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลพลเรือนที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ซึ่งเข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 หลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศที่โดยทั่วไปได้รับการมองว่าเป็นไปอย่างเสรีและยุติธรรม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดกรอบการคืนสู่การมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการกำหนดวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ณ สิ้นปีที่จัดทำรายงานฉบับนี้ คสช. และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังคงปกครองประเทศต่อไป
คสช. ที่มีฝ่ายทหารเป็นผู้กำกับดูแลยังคงควบคุมหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานราชการทุกหน่วย
รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่ คสช. ประกาศใช้เมื่อ พ.ศ. 2557 มีผลบังคับใช้จนถึงเดือนเมษายนเมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงลงพระปรมาภิไธยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งผ่านการลงประชามติอย่างท่วมท้นเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559 รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2560 กำหนดให้ คสช. ยังคงทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองและมีอำนาจเต็มตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวจนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้ามาบริหารประเทศหลังการเลือกตั้งทั่วไปภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2560 ยังกำหนดให้คำสั่ง คสช.ทุกฉบับ “เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและถูกต้องตามกฎหมาย” และจะมีผลบังคับใช้จนกว่าจะมีประกาศยกเลิกโดย คสช. คำสั่งของสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้งโดยฝ่ายทหาร นายกรัฐมนตรี หรือมติคณะรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวให้ความคุ้มกันผู้นำรัฐประหารและเจ้าหน้าที่ใต้บังคับบัญชาต่อการกระทำรัฐประหารหรือการกระทำที่เกิดขึ้นหลังรัฐประหารที่ดำเนินการภายใต้คำสั่งของ คสช. ไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ความคุ้มกันนี้ยังคงมีผลบังคับใช้ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2560 พระราชกฤษฎีกาหลายฉบับที่ประกาศใช้โดย คสช. ที่จำกัดสิทธิพลเมือง อันรวมถึงเสรีภาพในการพูด เสรีภาพในการชุมนุม และเสรีภาพของสื่อยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ระหว่างปี คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 3/2558 ซึ่งออกมาแทนกฎอัยการศึกในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2558 ให้อำนาจอย่างกว้างขวางแก่รัฐบาลทหารในการควบคุม “การกระทำที่พิจารณาว่าเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยและเสถียรภาพของชาติ”
นอกจากการจำกัดสิทธิพลเมืองอันเกิดจากการดำเนินการของ คสช. แล้ว ปัญหาสิทธิมนุษยชนที่มีนัยสำคัญมากที่สุดอื่น ๆ ก็คือ การใช้กำลังเกินเหตุของฝ่ายความมั่นคง อันรวมถึงการคุกคามและทารุณผู้ต้องสงสัยทางอาญา ผู้ถูกคุมขังและนักโทษ, การจับกุมและคุมขังโดยพลการที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ, การใช้อำนาจโดยมิชอบของฝ่ายความมั่นคงของทางการในการรับมือกับการก่อความไม่สงบอย่างต่อเนื่องของชาวมุสลิมเชื้อสายมลายูในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้แก่ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และบางพื้นที่ของจังหวัดสงขลา, ปัญหาการทุจริต, การแสวงประโยชน์ทางเพศจากเด็ก และการค้ามนุษย์
ทางการได้ดำเนินขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนและลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ตาม การที่เจ้าหน้าที่ไม่ต้องถูกลงโทษก็ยังคงเป็นปัญหาอยู่ โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ซึ่งต่อไปในรายงานฉบับนี้จะเรียกว่า “พระราชกำหนดฉุกเฉิน”) และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายใน พ.ศ. 2551 ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่
ผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงละเมิดสิทธิมนุษยชนและโจมตีฝ่ายรักษาความมั่นคงของรัฐและเป้าหมายที่เป็นพลเรือน
หมวดที่ 1 การเคารพบูรณภาพแห่งบุคคล อันรวมถึงการปลอดจาก
ก. การสังหารตามอำเภอใจหรือการสังหารที่ผิดกฎหมายหรือมีเหตุจูงใจทางการเมือง
ยังคงมีรายงานว่า บางครั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงใช้กำลังรุนแรงเกินเหตุและถึงตายต่อผู้ต้องสงสัยคดีอาญา และกระทำการหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารนอกกระบวนการยุติธรรม การสังหารตามอำเภอใจ และการสังหารโดยผิดกฎหมาย สำนักการสอบสวนและนิติการ กระทรวงมหาดไทยรายงานว่า ระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ. 2559 ถึงเดือนกันยายน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งได้แก่ ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่น ๆ ได้สังหารผู้ต้องสงสัย 16 รายในระหว่างการจับกุม ซึ่งจำนวนดังกล่าวเพิ่มขึ้นสองเท่าจากปีก่อนหน้า
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม เจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านตรวจใน ต. เมืองนะ อ. เชียงดาว จ. เชียงใหม่ ยิงวิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนนักเคลื่อนไหวชาวลาหู่เสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่านายชัยภูมิมียาเสพติดไว้ในครอบครองและพยายามจะทำร้ายทหารโดยใช้ระเบิดมือ คนในชุมชนและนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในท้องถิ่นตั้งข้อสงสัยต่อคำให้การของทหารเกี่ยวกับการวิสามัญฆาตกรรมดังกล่าว และเรียกร้องให้มีการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างครบถ้วนและโปร่งใส
มีการรายงานการสังหารที่กระทำโดยทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบ ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กรุณาอ่านหมวด 1.ช.)
ข. การหายสาบสูญ
มีการรายงานการหายสาบสูญโดยหรือในนามของเจ้าหน้าที่รัฐไม่กี่กรณี ทั้งนี้ คดีดังหลายคดีจากปีก่อน ๆ ยังคงไม่ได้รับการคลี่คลาย ในเดือนมกราคม กรมสอบสวนคดีพิเศษไม่รับคำร้องเป็นกรณีพิเศษจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติที่เรียกร้องให้มีการสืบสวนสอบสวนการหายสาบสูญโดยถูกบังคับของนายพอละจี “บิลลี่” รักจงเจริญ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงที่หายตัวไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557
ในเดือนสิงหาคม นักเคลื่อนไหวแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อ้างผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” สมาชิกกลุ่ม นปช. ถูกฝ่ายความมั่นคงไทยลักพาตัวในเขตประเทศลาว ที่ซึ่งเขาหนีไปอยู่หลังเกิดรัฐประหารปี พ.ศ. 2557 ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทางการระดับอาวุโสกล่าวว่า รายงานดังกล่าวเป็นข่าวลือที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน นักเคลื่อนไหวแนวร่วม นปช. ระบุว่าชะตากรรมของโกตี๋ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
ณ สิ้นปี รัฐบาลยังคงไม่มีการดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับคำร้องขอเดินทางมาประเทศไทยของคณะทำงานด้านปัญหาการบังคับบุคคลสูญหายหรือการสูญหายโดยไม่สมัครใจของสหประชาชาติที่ได้ยื่นเรื่องไว้เมื่อปี พ.ศ. 2554
ค. การทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษด้วยวิธีการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือทำลายศักดิ์ศรีอื่นๆ
รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวซึ่งประกาศใช้หลังรัฐประหารเมื่อปี พ.ศ. 2557 ให้ความคุ้มครอง “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ [และ] เสรีภาพ” แต่ไม่ได้ห้ามการทรมานเป็นการเฉพาะ ส่วนรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2560 ระบุว่า “การทรมาน ทารุณกรรม หรือการลงโทษด้วยวิธีการโหดร้ายหรือไร้มนุษยธรรมจะกระทำมิได้” อย่างไรก็ดี พระราชกำหนดฉุกเฉินและรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวให้ความคุ้มครองเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงให้ไม่ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายจากการกระทำในระหว่างปฏิบัติตามหน้าที่ ทั้งนี้ นับจนถึงเดือนกันยายน คณะรัฐมนตรีได้ขยายเวลาการบังคับใช้พระราชกำหนดฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นระยะเวลาคราวละสามเดือนต่อเนื่องกันมาแล้ว 49 ครั้งนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548
ตัวแทนจากองค์กรพัฒนาเอกชนและองค์กรด้านกฎหมายรายงานว่า บางครั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารทรมานและซ้อมผู้ต้องสงสัยเพื่อให้รับสารภาพ หนังสือพิมพ์รายงานคดีหลายคดีที่ประชาชนกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอื่น ๆ ใช้ความรุนแรง ในเดือนกรกฎาคม ศาลจังหวัดนครราชสีมาชี้ว่า สาเหตุการเสียชีวิตของนายอนัน เกิดแก้ว ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดในปี พ.ศ. 2558 ที่สถานีตำรวจภูธรจอหอหลังจากถูกจับกุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา มาจากการถูกทำร้ายร่างกายระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานตำรวจ ไม่ใช่เกิดจากการกระโดดสะพานขณะพยายามหลบหนีตามคำเบิกความของเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม ต่อมาศาลได้ส่งสำนวนคดีให้พนักงานอัยการเพื่อดำเนินการต่อไป
มีรายงานจำนวนมากระบุว่า มีการกระทำเหยียดหยามให้อับอายและทารุณทางกายในหน่วยทหาร ในเดือนสิงหาคม ผลการชันสูตรพลิกศพระบุว่า พลทหารยุทธกินันท์ บุญเนียม อายุ 22 ปี ซึ่งถูกพบเสียชีวิตภายในห้องพักในพื้นที่มณฑลทหารบกที่ 45 จังหวัดสุราษฎร์ธานี เสียชีวิตจากอาการเลือดออกภายในร่างกาย ที่เกิดจากการถูกทำร้ายร่างกายด้วยของแข็งไม่มีคม และไม่ใช่การเสียชีวิตโดยธรรมชาติ ครอบครัวของเขากล่าวอ้างว่า เขาถูกทำร้ายร่างกายเนื่องจากทำผิดวินัยทหาร และทางครอบครัวได้แจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อร้องขอให้มีการสืบสวนสอบสวนเรื่องการเสียชีวิต
สภาพของเรือนจำและสถานกักกัน
เรือนจำและสถานกักกันต่าง ๆ อันได้แก่ สถานบำบัดผู้ติดยาเสพติดและศูนย์กักขังของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่กักกันผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย และผู้แสวงหาที่พักพิงที่ไม่มีเอกสารประจำตัว (IDC) นั้นยังคงมีสภาพไม่ดีและส่วนใหญ่แออัดมาก กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลสภาพเรือนจำ ในขณะที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดูแลสภาพของศูนย์กักขังของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
รัฐบาลทหารกักขังผู้ต้องสงสัยที่เป็นพลเรือนบางรายที่สถานกักกันของทหาร
สภาพเรือนจำและสถานกักกัน ณ วันที่ 1 สิงหาคม มีผู้ต้องขังในเรือนจำและสถานกักกันราว 307,500 คน แต่สถานที่ถูกออกแบบให้รองรับจำนวนผู้ต้องขังได้สูงสุดเพียง 210,000 ถึง 220,000 คน
เรือนจำและสถานกักกันบางแห่งมีสถานที่นอนไม่เพียงพอ และยังคงมีรายงานว่ามีสภาพแออัดมากและอากาศถ่ายเทไม่ดี และปัญหาที่ร้ายแรงก็คือ การขาดบริการทางการแพทย์ บางครั้งทางการจะส่งตัวนักโทษหรือผู้ต้องขังที่ป่วยหนักไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดหรือโรงพยาบาลของรัฐ พยานผู้เห็นเหตุการณ์รายงานว่า เมื่อเดือนพฤษภาคม ผู้แสวงหาที่พักพิงชาวปากีสถาน อายุ 34 ปีคนหนึ่ง ที่บ่นว่าเจ็บหน้าอกและขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองนำส่งโรงพยาบาล ได้เสียชีวิตลงในสถานกักกันคนต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสวนพลู
ประมาณร้อยละ 21 ของผู้ต้องขังทั้งหมดเป็นผู้ต้องขังที่รอการพิจารณาคดี ซึ่งผู้ต้องขังเหล่านี้ไม่ได้ถูกคุมขังแยกจากนักโทษทั่วไป บ่อยครั้งรัฐบาลคุมขังผู้ต้องขังที่รอการพิจารณาคดีภายใต้พระราชกำหนดฉุกเฉินในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ในค่ายทหารหรือสถานีตำรวจมากกว่าในเรือนจำ
องค์กรพัฒนาเอกชนรายงานว่า ในบางครั้งทางการควบคุมผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กรวมกันในห้องขังของสถานีตำรวจเพื่อรอคำสั่งฟ้อง โดยเฉพาะในสถานีตำรวจขนาดเล็กหรือที่อยู่ห่างไกล ในศูนย์กักกันของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทางการคุมขังเยาวชนอายุเกิน 14 ปีรวมกับผู้ใหญ่
ทางการสามารถกักกันบุคคลและบุตรในศูนย์กักกันของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นเวลาหลายปีได้ เว้นแต่ว่าพวกเขาจะจ่ายค่าปรับและค่าเดินทางกลับประเทศตนเอง เนื่องจากกฎหมายระบุว่า “…บุคคลต่างด้าวเป็นผู้เสียเงินค่าส่งตัวกลับประเทศ…[และ] ค่าใช้จ่ายในการกักตัวนี้ให้คนต่างด่าวผู้นั้นเป็นผู้เสีย” องค์กรพัฒนาเอกชนเรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายและนโยบายเพื่อยุติการคุมขังเด็กที่วีซ่าหมดอายุและใช้ทางเลือกอื่นแทน เช่น การปล่อยตัวโดยมีเงื่อนไขให้คุมประพฤติ และการไม่ควบคุมตัวและจัดที่อยู่อาศัยในชุมชุนให้ในระหว่างดำเนินการแก้ปัญหาสถานะวีซ่า องค์กรพัฒนาเอกชนอื่น ๆ รายงานว่า มีการร้องทุกข์โดยเฉพาะจากมุสลิมในสถานกักกันว่า อาหารมีปริมาณไม่เพียงพอและไม่เหมาะสมตามวัฒนธรรม
บางครั้งเจ้าหน้าที่เรือนจำใช้มาตรการขังเดี่ยวนานไม่เกินหนึ่งเดือนเพื่อลงโทษนักโทษชายที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบของเรือนจำเป็นประจำหรือที่เป็นภัยต่อผู้อื่น ซึ่งกฎหมายอนุญาตให้ทำได้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังใช้ตรวนขาที่มีน้ำหนักมากกับนักโทษที่มีแนวโน้มว่าจะหลบหนีหรือที่อาจเป็นอันตรายต่อนักโทษคนอื่น
สำนักงานสอบสวนและนิติการ กระทรวงมหาดไทยรายงานว่า มีบุคคลเสียชีวิตภายใต้การคุมขังของทางการจำนวน 521 ราย ระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ. 2559 ถึงเดือนกันยายน ในจำนวนนี้ 35 รายอยู่ภายใต้การควบคุมของตำรวจ และ 486 รายอยู่ภายใต้การควบคุมของกรมราชทัณฑ์ จำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าวลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อนหน้า ทางการระบุว่าส่วนใหญ่เสียชีวิตด้วยสาเหตุธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ทางการไม่ได้ดำเนินการสืบสวนเกี่ยวกับการเสียชีวิตของบุคคลระหว่างอยู่ภายใต้การควบคุมของทางการอย่างเพียงพอ
การดำเนินการของเรือนจำ ทางการอนุญาตให้นักโทษและผู้ต้องขัง หรือผู้แทนของนักโทษและผู้ต้องขังสามารถยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินโดยไม่ต้องผ่านการตรวจพิจารณาก่อน แต่ไม่สามารถยื่นคำร้องต่อฝ่ายตุลาการได้โดยตรง ผู้ตรวจการแผ่นดินสามารถดำเนินการพิจารณาและสอบสวนคำร้องเรียนหรือคำร้องทุกข์ที่ได้รับจากนักโทษและให้คำแนะนำแก่กรมราชทัณฑ์ แต่ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่มีอำนาจดำเนินการในนามของนักโทษ และไม่สามารถเข้าไปมีส่วนในคดี ยกเว้นแต่จะได้รับคำร้องทุกข์อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ องค์กรพัฒนาเอกชนรายงานว่า ทางการไม่ค่อยสอบสวนคำร้องทุกข์และไม่ประกาศผลการสอบสวนให้สาธารณชนทราบ
ศูนย์กักกันคนเข้าเมืองซึ่งบริหารจัดการโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองซึ่งขึ้นต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบหลายข้อที่กำกับระบบราชทัณฑ์ตามปกติทั่วไป
การตรวจสอบจากหน่วยงานอิสระ รัฐบาลอำนวยความสะดวกให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประเทศไทย เข้าเยี่ยมสังเกตการณ์เรือนจำได้ รวมถึงการเข้าเยี่ยมนักโทษโดยไม่ต้องมีบุคคลที่สามอยู่ด้วย และยังสามารถเข้าเยี่ยมได้อีกหลายครั้ง กลุ่มสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ไม่มีการตรวจสอบระบบทัณฑสถานจากหน่วยงานภายนอกหรือต่างประเทศรวมถึงเรือนจำทหาร เช่น เรือนจำในมณฑลทหารบกที่ 11 ในกรุงเทพมหานคร องค์กรระหว่างประเทศรายงานว่า ได้ร่วมมือกับหน่วยงานทางทหารและตำรวจเกี่ยวกับมาตรฐานสากลว่าด้วยการดำเนินงานของตำรวจและการใช้อำนาจของตำรวจ
ผู้แทนขององค์กรระหว่างประเทศได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังบางรายที่ศูนย์กักกันของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศเพื่อให้บริการและดำเนินการโยกย้ายถิ่นฐาน
ง. การจับกุมหรือการกักกันตามอำเภอใจ
คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 2/2558 ให้อำนาจทหารในการกักกันบุคคลได้สูงสุดเจ็ดวันโดยไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหาหรือมีการพิจารณาคดีในศาล และเจ้าหน้าที่ทหารก็มักใช้อำนาจนั้น สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติรายงานว่า รัฐบาลทหารเรียกตัว จับกุม และกักขังบุคคลราว 2,000 คนนับตั้งแต่รัฐประหาร พ.ศ. 2557 โดยก่อนปล่อยตัวไป เจ้าหน้าที่ทหารมักให้ผู้ถูกกักขังลงนามในเอกสารยืนยันว่าพวกเขาได้รับการปฏิบัติอย่างดี และจะละเว้นจากการดำเนินกิจการทางการเมือง และจะขออนุญาตทางการก่อนเดินทางออกนอกพื้นที่ กลุ่มสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ทางการมักไม่อนุญาตให้ญาติพี่น้องหรือทนายเข้าพบผู้ถูกกักขัง
พระราชกำหนดฉุกเฉินซึ่งให้อำนาจรัฐบาลในการควบคุมตัวบุคคลในสถานที่กักกันอย่างไม่เป็นทางการโดยไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหาได้นานสูงสุด 30 วัน ยังมีผลบังคับใช้อยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กรุณาอ่านหมวดที่ 1. ช.)
บทบัญญัติในพระราชกำหนดฉุกเฉินทำให้ยากแก่การร้องขอต่อศาลเพื่อโต้แย้งการกักขัง พระราชกำหนดฉุกเฉินระบุว่า ผู้ถูกกักขังมีสิทธิที่จะมีทนายได้ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ไม่มีหลักประกันว่าผู้ถูกกักขังจะได้พบทนายหรือญาติพี่น้องทันที และไม่มีมาตรการที่โปร่งใสเพื่อป้องกันการทารุณผู้ถูกกักขัง นอกจากนี้ พระราชกำหนดฉุกเฉินระบุว่า เจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้พระราชกำหนดนี้ไม่ต้องรับโทษทางอาญา ทางแพ่ง และทางวินัย
บทบาทของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเครื่องมือรักษาความมั่นคง
กฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหารเหนือหน่วยงานพลเรือนซึ่งรวมถึงตำรวจในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 13/2559 ซึ่งประกาศใช้ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2559 ให้อำนาจแก่ข้าราชการทหารซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นร้อยตรี เรือตรี หรือเรืออากาศตรีขึ้นไปมีอำนาจเรียกให้บุคคลมารายงานตัว จับกุมตัว และควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ดำเนินการตรวจค้น ตรวจยึดทรัพย์สิน ระงับธุรกรรมทางการเงิน และห้ามบุคคลเดินทางออกนอกประเทศในกรณีที่เกี่ยวข้องกับความผิดอาญา 27 ประเภท อันรวมถึง การกรรโชกทรัพย์ การค้ามนุษย์ โจรกรรม การปลอมเอกสาร การฉ้อฉล การหมิ่นประมาท การพนัน การค้าประเวณี และการผิดกฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืน นอกจากนี้ คำสั่งยังให้ความคุ้มครองเจ้าหน้าที่ทหารให้ไม่ต้องรับโทษทางอาญา ทางปกครอง ทางแพ่ง และทางวินัยจากการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยที่ “กระทำโดยสุจริต”
ตำรวจตระเวนชายแดนมีอำนาจและความรับผิดชอบพิเศษในการต่อสู้กับผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดน
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายผู้ต้องขังและนักโทษ และโดยส่วนใหญ่ไม่ต้องถูกลงโทษ ผู้ที่ต้องการร้องเรียนการกระทำโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถร้องเรียนได้โดยตรงต่อผู้บังคับบัญชาของตำรวจที่ถูกกล่าวหา สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ หรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สภาทนายความแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ศาลฎีกา กระทรวงยุติธรรม และสำนักนายกรัฐมนตรี ตลอดจนสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็รับคำร้องเรียนเกี่ยวกับการกระทำโดยมิชอบและการทุจริตของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ มีคำร้องเรียนเพียงส่วนน้อยที่ท้ายที่สุดแล้วนำไปสู่การลงโทษตำรวจผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด แต่มีตัวอย่างให้เห็นจำนวนมากที่การสอบสวนการใช้อำนาจโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ใช้เวลานานหลายปีโดยที่ยังไม่มีข้อสรุป กลุ่มสิทธิมนุษยชนวิจารณ์ “การดำเนินการอย่างฉาบฉวย” ของการสอบสวนของตำรวจและทางกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับกรณีที่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงถูกกล่าวหาว่าทรมานหรือกระทำทารุณอื่น ๆ
เมื่อเดือนสิงหาคม ศาลอาญากรุงเทพฯ ตัดสินว่า นายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าหน้าที่กรมที่ดินซึ่งเสียชีวิตในห้องควบคุมของกรมสอบสวนคดีพิเศษเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559 ไม่ได้ฆ่าตัวตายตามที่ตำรวจกล่าวอ้างในตอนแรก แต่เสียชีวิตจากอาการเลือดออกในช่องท้องและขาดอากาศหายใจ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงดำเนินการสืบสวนเรื่องดังกล่าวต่อไป
กระทรวงกลาโหมกำหนดให้ข้าราชการทหารเข้ารับการอบรมเรื่องสิทธิมนุษยชน มีการจัดฝึกอบรมตามปกติในหลายระดับ รวมทั้งข้าราชการสัญญาบัตร ข้าราชการชั้นประทวน และทหารเกณฑ์ อีกทั้ง ข้าราชการทหารที่ออกปฏิบัติงานสนับสนุนการต่อต้านการก่อความไม่สงบในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังได้รับการอบรมพิเศษเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งรวมถึงการอบรมรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดให้นักเรียนนายร้อยตำรวจทุกคนที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจต้องลงเรียนวิชากฎหมายสิทธิมนุษยชน
ขั้นตอนการจับกุมและการปฏิบัติต่อบุคคลขณะถูกคุมขัง
กฎหมายกำหนดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารต้องได้รับหมายจากศาลก่อนเข้าทำการจับกุม โดยมีข้อยกเว้นบางกรณีเท่านั้น แต่คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 2/2558 อนุญาตให้คุมขังบุคคลได้นานสูงสุดเจ็ดวันโดยไม่ต้องมีหมายจับ ในการออกหมายจับนั้น ศาลมักมีแนวโน้มที่จะอนุมัติออกหมายจับตามที่ยื่นขอมาทั้งหมด ทั้งนี้ กฎหมายกำหนดว่า เจ้าหน้าที่ต้องแจ้งข้อหาให้บุคคลที่ถูกจับกุมทราบทันทีที่ถูกจับกุม และต้องอนุญาตให้บุคคลผู้นั้นแจ้งแก่ผู้ใดผู้หนึ่งเรื่องที่ตนถูกจับกุมได้
กฎหมายกำหนดให้ผู้ถูกคุมขังคดีอาญาทั้งในศาลพลเรือนและศาลทหารสามารถติดต่อทนายได้ แต่นักกฎหมายและกลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวอ้างว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมักสอบสวนผู้ถูกคุมขังโดยไม่ช่วยให้ผู้ถูกคุมขังติดต่อทนายความ
ทั้งศาลยุติธรรมและกองทุนยุติธรรมของกระทรวงยุติธรรมจัดทนายอาสาให้แก่ผู้คุมขังที่มีฐานะยากจน จากข้อมูลล่าสุดของปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ศาลยุติธรรมจัดหาทนายความให้แก่จำเลยผู้ใหญ่ 25,095 รายและจำเลยเยาวชน 11,550 ราย ทั้งนี้ ระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ. 2559 ถึงเดือนกันยายน กระทรวงยุติธรรมจัดหานักกฎหมายให้แก่จำเลย 545 รายด้วยกัน
กฎหมายให้สิทธิแก่ผู้ต้องหาในการขอประกันตัว และโดยทั่วไปแล้ว รัฐบาลก็เคารพในสิทธิดังกล่าว เว้นแต่คดีที่พิจารณาว่าเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ซึ่งรวมถึงการละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วย
การจับกุมตามอำเภอใจ คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 3/2558 ให้ทหารมีอำนาจคุมขังบุคคลโดยไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหาได้สูงสุดเจ็ดวันโดยไม่ต้องมีการพิจารณาโดยศาล พระราชกำหนดฉุกเฉินให้อำนาจทางการในการคุมขังบุคคลได้นานสูงสุด 30 วันโดยไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหา (กรุณาอ่านหมวด 1.ช.) เจ้าหน้าที่ทหารใช้อำนาจภายใต้คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 3/2558 ดำเนินการคุมขังนักการเมือง นักวิชาการ นักข่าว และบุคคลอื่นหลายรายโดยไม่ตั้งข้อกล่าวหา แม้จะมีรายงานว่ามีจำนวนน้อยกว่าปี พ.ศ. 2559 ก็ตาม เจ้าหน้าที่ทหารคุมขังบุคคลส่วนใหญ่เพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็มีบางรายที่ถูกคุมขังนานสูงสุดเจ็ดวัน
การคุมขังเพื่อรอการพิจารณาคดี ในกรณีปกติทั่วไป กฎหมายอนุญาตให้ตำรวจคุมขังผู้ต้องสงสัยคดีอาญาเพื่อสอบสวนคดีได้เป็นเวลา 48 ชั่วโมงหลังการจับกุม ทนายความรายงานว่า ตำรวจแทบจะไม่ส่งสำนวนคดีต่อศาลภายในระยะเวลา 48 ชั่วโมง กฎหมายและระเบียบข้อบังคับกำหนดให้ความผิดอาญาที่มีโทษจำคุกสูงสุดน้อยกว่าสามปีอยู่ภายใต้อำนาจรับผิดชอบของศาลแขวง ซึ่งมีขั้นตอนการดำเนินคดีแตกต่างออกไปและกำหนดให้ตำรวจต้องส่งสำนวนคดีให้อัยการภายในเวลาระยะเวลา 72 ชั่วโมงหลังจากการจับกุม จากรายงานของสภาทนายความแห่งประเทศไทย การคุมขังผู้ต้องสงสัยคดีอาญาเพื่อรอการพิจารณาคดีเป็นระยะเวลานานถึง 60 วันเป็นเรื่องที่เกิดอยู่บ่อยครั้ง
ก่อนการตั้งข้อกล่าวหาและการพิจารณาคดี เจ้าหน้าที่อาจคุมขังบุคคลได้นานสูงสุดถึง 84 วัน (สำหรับคดีร้ายแรงที่สุด) โดยศาลจะพิจารณาทบทวนทุกเจ็ดวัน หลังจากการตั้งข้อกล่าวหาและตลอดช่วงการพิจารณาคดี การคุมขังอาจกินเวลานานถึงหนึ่งปีไปจนถึงสองปีก่อนที่จะมีการตัดสินคดี และอาจนานถึงหกปีก่อนที่ศาลสูงสุดจะพิจารณาเรื่องอุทธรณ์ ทั้งนี้ ระยะเวลาดังกล่าวขึ้นอยู่กับการดำเนินการฟ้องร้อง ความพร้อมในการสู้คดี จำนวนคดีที่ศาลรับผิดชอบ และลักษณะของหลักฐาน
สิทธิของผู้ถูกควบคุมตัวในการค้านแย้งต่อศาลว่าการควบคุมตัวนั้นถูกกฎหมายหรือไม่ ในกรณีส่วนใหญ่ บุคคลที่ถูกจับกุมหรือควบคุมตัวโดยตำรวจมีสิทธิที่จะร้องขอให้ศาลพิจารณาการควบคุมตัวของตนภายในระยะเวลา 48 ชั่วโมง บุคคลที่ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่โดยอาศัยอำนาจภายใต้คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 3/2558 มีสิทธิที่จะร้องขอให้ศาลพิจารณาการควบคุมตัวของตนภายในเจ็ดวัน ทั้งนี้ หากศาลพบว่าบุคคลนั้นถูกควบคุมตัวโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย (เกินกว่า 48 ชั่วโมงหรือเจ็ดวัน) บุคคลนั้นมีสิทธิที่จะได้รับสินไหมทดแทน
จ. การปฏิเสธการพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยและเป็นธรรม
รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวและรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 กำหนดให้ฝ่ายตุลาการมีความเป็นอิสระ และโดยทั่วไปแล้ว รัฐบาลเคารพความเป็นอิสระและความเป็นกลางของฝ่ายตุลาการ แม้ว่าจะมีคำสั่ง คสช. ที่ห้ามเจ้าหน้าที่ฝ่ายตุลาการแสดงความเห็นเชิงลบเกี่ยวกับ คสช. ต่อสาธารณชนก็ตาม นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่มีผลบังคับใช้จนถึงเดือนเมษายนให้อำนาจแก่ คสช. ในการแทรกแซงเพื่อป้องกันประเทศจากภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ “ไม่ว่าการกระทำนั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ”
กลุ่มสิทธิมนุษยชนยังคงมีข้อกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของ คสช. ที่มีต่อกระบวนการตุลาการอันเป็นกระบวนการอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินคดีกับพลเรือนบางรายในศาลทหาร
ขั้นตอนการพิจารณาคดี
รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ให้สิทธิแก่บุคคลในการได้รับการพิจารณาพิพากษาคดีอย่างเปิดเผยและเป็นธรรม และโดยทั่วไปแล้ว ฝ่ายตุลาการที่มีความเป็นอิสระเป็นฝ่ายใช้บังคับกฎหมายตามสิทธิที่ว่านี้ ยกเว้นในบางคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ซึ่งรวมถึงคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่มีผลบังคับใช้จนถึงเดือนเมษายนก็ให้สิทธิดังกล่าวด้วยเช่นกัน
กฎหมายให้ถือว่าบุคคลเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ความผิดได้ การพิจารณาความผิดลหุโทษใช้ผู้พิพากษาคนเดียวตัดสิน ส่วนความผิดในคดีที่ร้ายแรงกว่านั้นต้องใช้ผู้พิพากษาสองคนหรือมากกว่า ส่วนใหญ่แล้วการพิจารณาคดีจะเปิดเผยต่อสาธารณชน แต่ทั้งนี้ ศาลอาจสั่งให้มีการพิจารณาคดีโดยลับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ราชวงศ์ เยาวชน หรือการล่วงละเมิดทางเพศ
จำเลยที่ถูกพิจารณาคดีในศาลอาญาธรรมดาจะได้รับสิทธิตามกฎหมายหลายประการ ซึ่งรวมถึงเลือกทนายด้วยตนเอง, รับทราบรายละเอียดข้อกล่าวหาอย่างรวดเร็ว, ใช้ล่ามโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ หากจำเป็น, สิทธิในการปรากฏตัวต่อศาล, สิทธิที่จะได้รับเวลาและมีสถานที่อย่างเพียงพอในการเตรียมต่อสู้คดี นอกจากนี้ จำเลยยังมีสิทธิที่จะไม่ให้การหรือสารภาพผิด หรือเผชิญหน้ากับพยาน นำเสนอพยาน และขออุทธรณ์ อย่างไรก็ตาม ทางการไม่ได้จัดหาทนายโดยอัตโนมัติให้แก่จำเลยที่มีฐานะยากจนโดยใช้งบประมาณของรัฐเสมอไปทุกครั้ง และมีการกล่าวหาว่าทางการไม่ได้ให้สิทธิทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นแก่จำเลยเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดเล็ก ๆ หรือจังหวัดที่อยู่ห่างไกล
คำสั่ง คสช. เมื่อปี พ.ศ. 2557 กำหนดให้เปลี่ยนเขตอำนาจของศาลในการดำเนินคดีในความผิดต่อพระมหากษัตริย์ การก่อการจลาจล การปลุกระดมให้ต่อต้านรัฐบาล ความผิดเกี่ยวกับอาวุธ และการละเมิดคำสั่งของ คสช. จากเดิมที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลอาญาให้ไปอยู่ในเขตอำนาจของศาลทหาร ต่อมาในเดือนกันยายน พ.ศ. 2559 คสช. มีคำสั่งให้ยุติการดำเนินการดังกล่าว และกำหนดว่าการกระทำความผิดทางอาญาของพลเรือนจะไม่อยู่ในเขตอำนาจของศาลทหารอีกต่อไปนับตั้งแต่วันที่ประกาศยุติ ข้อมูลจากสำนักงานพระธรรมนูญทหารระบุว่า นับตั้งแต่รัฐประหารในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นมา ศาลทหารได้เริ่มดำเนินคดีทั้งหมด 1,886 คดี ซึ่งเกี่ยวข้องกับจำเลยที่เป็นพลเรือนอย่างน้อย 2,408 ราย ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นคดีเกี่ยวกับการละเมิดมาตรา 112 (หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์) การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคสช. การฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด ทั้งนี้ ณ เดือนตุลาคม มีคดีพลเรือนประมาณ 369 คดี ซึ่งเกี่ยวข้องกับจำเลย 450 รายที่ยังคงรอการพิจารณาคดีโดยศาลทหารอยู่
ศาลทหารไม่ให้ความคุ้มครองทางกฎหมายแก่จำเลยที่เป็นพลเรือนเหมือนอย่างที่ศาลอาญาพลเรือนให้ความคุ้มครอง ศาลทหารไม่ให้สิทธิพลเรือนตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวหรือรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ในการที่จะได้รับการไต่สวนคดีที่เป็นธรรมและเปิดเผยโดยศาลที่มีสมรรถภาพ เป็นกลาง และเป็นอิสระ พลเรือนที่ถูกดำเนินคดีในศาลจากการถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดระหว่างเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 ถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นช่วงที่กฎอัยการศึกมีผลบังคับใช้นั้นไม่มีสิทธิในการยื่นอุทธรณ์
นักโทษและผู้ต้องขังทางการเมือง
คสช. กักกันตัวบุคคลที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองอยู่เรื่อย ๆ (กรุณาอ่านหมวด 1.ง.) กรมราชทัณฑ์รายงานว่า ณ เดือนสิงหาคม มีบุคคล 135 รายที่ถูกกักกันหรือจำคุกในประเทศภายใต้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ห้ามการวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ (กรุณาอ่านหมวด 2.ก.)
กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวอ้างว่า บุคคลหลายรายถูกดำเนินคดีและตัดสินลงโทษในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเนื่องจากเหตุผลทางการเมือง ตำรวจจับกุมตัวนักศึกษานักเคลื่อนไหว นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ดาวดิน” เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 เพราะเขากด “ถูกใจ” และกดแชร์ลิงก์ของสำนักข่าวบีบีซีภาคภาษาไทยบนเฟสบุ๊คเกี่ยวกับพระราชประวัติพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ที่ถูกกล่าวหาว่ามีเนื้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กลุ่มสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ชาวไทยอีกราว 2,000 รายก็กดแชร์หรือกดถูกใจบทความเดียวกันนั้นของสำนักข่าวบีบีซีเช่นกัน แต่ก็ไม่ถูกตั้งข้อกล่าวหา ทั้งนี้ ในเดือนสิงหาคม นายจตุภัทร์ให้การรับสารภาพข้อกล่าวหาละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกระทงหนึ่ง และถูกตัดสินให้ต้องโทษจำคุกห้าปี ซึ่งต่อมาศาลลดโทษให้เหลือสองปีหกเดือนหลังจากให้การรับสารภาพ นับตั้งแต่ที่นายจตุภัทร์ถูกจับกุมจนถึงวันให้การรับสารภาพ ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวหลังจากที่เขายื่นขอประกันตัว 12 ครั้งด้วยกัน
ขั้นตอนและการเยียวยาคดีความทางแพ่ง
กฎหมายเปิดโอกาสให้มีการฟ้องร้องต่อศาลและหน่วยงานฝ่ายปกครองเพื่อเรียกค่าเสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือเพื่อให้ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ และโดยทั่วไปแล้ว รัฐบาลเคารพสิทธิดังกล่าว อย่างไรก็ตาม พระราชกำหนดฉุกเฉินที่บังคับใช้ในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้กำหนดไว้ว่า ศาลปกครองหรือกระบวนการทางแพ่งหรืออาญาไม่สามารถตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ แต่ผู้เสียหายอาจเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้จากหน่วยงานรัฐได้
ฉ. การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ครอบครัว บ้านพัก หรือเอกสารโต้ตอบโดยพลการและมิชอบด้วยกฎหมาย
คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 3/2558 และพระราชกำหนดฉุกเฉินให้อำนาจเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงในการตรวจค้นโดยไม่มีหมายศาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงก็ใช้อำนาจดังกล่าวในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้และเขตชายแดน ในระหว่างปีมีการร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงใช้อำนาจดังกล่าวในทางมิชอบ
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารคุกคามคนในครอบครัวของบุคคลที่ต้องสงสัยว่าต่อต้าน คสช. ซึ่งรวมถึงบิดามารดาของนักศึกษาที่ออกมาประท้วงต่อต้าน คสช. และครอบครัวของผู้เรียกร้องสิทธิมนุษยชนด้วย ตัวอย่างเช่น กลุ่มสิทธิมนุษยชนรายงานว่า มีการข่มขู่คุกคามคนใกล้ชิดของนายชัยภูมิ ป่าแส นักเคลื่อนไหวชาวลาหู่ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฆาตกรรมที่จังหวัดเชียงใหม่ (กรุณาอ่านหมวด 1.ก.)
เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของบุคคล ซึ่งรวมถึงชาวต่างชาติด้วย ที่แสดงความคิดเห็นที่สร้างความขัดแย้ง ในเดือนพฤษภาคม เจ้าหน้าที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมออกประกาศเตือนประชาชนว่า ให้งด “ติดตาม” ติดต่อ เผยแพร่เนื้อหาในสื่อสังคมออนไลน์ของบุคคลสามรายที่วิจารณ์รัฐบาลทหารและสถาบันพระมหากษัตริย์ในขณะอยู่ต่างประเทศ อันได้แก่ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ทั้งสองเป็นนักวิชาการ และนายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชล ซึ่งเป็นนักข่าว
ช. การใช้อำนาจในทางมิชอบอื่น ๆ ในการจัดการปัญหาขัดแย้งภายในประเทศ
ความขัดแย้งภายในประเทศในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมเชื้อสายมลายูก็ยังคงดำเนินต่อไป การโจมตีโดยผู้ก่อความไม่สงบและการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงที่ผ่านมาได้เพิ่มความตึงเครียดระหว่างชุมชนชาวมุสลิมเชื้อสายมลายูและชาวไทยพุทธในพื้นที่
พระราชกำหนดฉุกเฉินที่มีผลบังคับใช้ในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งก็คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และบางพื้นที่ของสงขลาให้อำนาจอย่างมีนัยสำคัญแก่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือน ในการจำกัดสิทธิพื้นฐานบางประการ ตลอดจนมอบหมายอำนาจด้านการรักษาความมั่นคงภายในบางประการแก่กองทัพ พระราชกำหนดฉุกเฉินยังคุ้มครองเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงให้ไม่ต้องถูกดำเนินคดี นอกจากนี้ กฎอัยการศึกที่ประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2549 ซึ่งยังมีผลบังคับใช้อยู่ ให้อำนาจอย่างมีนัยสำคัญแก่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้
การสังหาร ในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหากองกำลังของรัฐบาลว่ากระทำการวิสามัญฆาตกรรมบุคคลที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบ ข้อมูลของศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ระบุว่า นับจนถึงเดือนสิงหาคม มีคดีที่ได้รับรายงานที่เกี่ยวข้องกับการวิสามัญฆาตกรรมโดยกองกำลังฝ่ายรัฐบาลในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งหมดแปดคดีด้วยกัน โดยในแต่ละคดีนั้น เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงกระทำการวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องสงสัยในระหว่างการจับกุม เจ้าหน้าที่รัฐยืนกรานว่าผู้ต้องสงสัยในแต่ละคดีขัดขืนการจับกุม จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้กำลังรุนแรง ซึ่งครอบครัวของผู้ต้องสงสัยและกลุ่มสิทธิมนุษยชนออกมาโต้แย้งประเด็นข้ออ้างดังกล่าว
ข้อมูลของศูนย์เฝ้าระวังภาคใต้ ณ เดือนกรกฎาคมระบุว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น 407 ครั้งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 176 รายและได้รับบาดเจ็บ 245 ราย อย่างไรก็ตาม เหตุรุนแรงเกิดขึ้นจำนวนน้อยครั้งกว่าปี พ.ศ. 2559 นอกจากนี้ ข้อมูลยังระบุว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6,600 รายและได้รับบาดเจ็บ 12,000 รายจากเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นประมาณ 16,500 ครั้งในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งนี้ ศูนย์เฝ้าระวังฯ ไม่ได้จำแนกว่าเหตุรุนแรงนั้น ๆ ก่อโดยผู้ก่อความไม่สงบ เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง หรือกลุ่มอาชญากร และเช่นเดียวกันกับปีที่ผ่านมา กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมักมุ่งเป้าโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งรวมถึงข้าราชการอำเภอและเทศบาล ทหาร และตำรวจ โดยใช้ระเบิดและการซุ่มยิง
อาสาสมัครป้องกันดินแดนที่เป็นพลเรือนได้รับการอบรมพื้นฐานและรับแจกอาวุธจากฝ่ายความมั่นคงของรัฐ องค์กรสิทธิมนุษยชนยังคงมีข้อกังวลว่าอาสาสมัครป้องกันดินแดนและพลเรือนอื่น ๆ จะลงโทษบุคคลโดยพลการ
แม้ว่าระดับความรุนแรงจะลดลงในภาพรวม ผู้ก่อความไม่สงบยังคงก่อเหตุโจมตีที่ทำให้พลเรือนบาดเจ็บและเสียชีวิต เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม กลุ่มชายแต่งกายชุดลายพรางบุกปล้นเต๊นท์รถในจังหวัดสงขลา และขโมยรถกระบะไปหกคัน พร้อมจับเจ้าของเต๊นท์และลูกจ้างไปเป็นตัวประกัน โดยต่อมาได้ยิงตัวประกันเสียชีวิตหนึ่งรายและบาดเจ็บสาหัสสองราย และนำรถที่ขโมยไปประกอบเป็นระเบิดรถยนต์
การทารุณกรรมทางกาย การลงโทษและการทรมาน องค์กรพัฒนาเอกชนท้องถิ่นรายงานว่ายังคงได้รับการร้องเรียนจากผู้ต้องหาก่อความไม่สงบว่าถูกเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทรมานร่างกายในขณะถูกคุมขัง องค์กรเหล่านี้ระบุว่า การหาข้อเท็จจริงมาสนับสนุนการกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่งขึ้นเพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่รัฐในการสืบสวนหาข้อเท็จจริงและเข้าพบผู้ต้องหาในสถานที่ควบคุมตัว องค์กรสิทธิมนุษยชนยังคงยืนยันว่า การควบคุมตัวผู้ต้องหาเป็นการกระทำตามอำเภอใจ เกินกว่าเหตุ และยาวนานโดยไม่จำเป็น และวิจารณ์สภาพแออัดของสถานที่กักกันด้วย
กฎอัยการศึกที่บังคับใช้ในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้อนุญาตให้ควบคุมตัวบุคคลได้สูงสุดเจ็ดวันโดยไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหาและไม่ต้องได้รับอนุมัติจากศาลหรือหน่วยงานของรัฐ พระราชกำหนดฉุกเฉินที่มีผลบังคับใช้ในพื้นที่เดียวกันอนุญาตให้เจ้าหน้าที่รัฐจับกุมและคุมขังผู้ต้องหาได้นานสูงสุดเพิ่มเป็น 30 วันโดยไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหา และหลังจากครบกำหนดระยะเวลานี้แล้ว เจ้าหน้าที่รัฐจะเริ่มคุมขังผู้ต้องสงสัยได้ภายใต้กฎหมายอาญาปกติ ซึ่งจะแตกต่างจากการคุมขังภายใต้กฎอัยการศึกตรงที่ต้องให้ศาลอนุมัติ แม้องค์กรสิทธิมนุษยชนจะร้องเรียนว่าศาลไม่ใช้อำนาจในการพิจารณาการคุมขังเสมอไป
ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้รายงานว่า จนถึงเดือนกันยายน ทางการจับกุมตัวบุคคล 93 รายตามหมายศาลภายใต้พระราชกำหนดฉุกเฉิน นอกจากนี้ รัฐบาลไม่ได้ใช้ศาลทหารในการพิจารณาคดีต่อจำเลยที่เป็นพลเรือนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทหารเด็ก ในปีนี้ไม่มีการรายงานว่า กองกำลังฝ่ายรัฐบาลหรือกองกำลังผู้ก่อความไม่สงบเกณฑ์เยาวชนมาร่วมด้วย ซึ่งแตกต่างจากปีที่ผ่านมา
การกระทำมิชอบอื่น ๆ ที่เนื่องมาจากความขัดแย้ง ข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการระบุว่า ณ เดือนสิงหาคม ไม่มีนักเรียน ครู หรือบุคลากรทางการศึกษาถูกสังหารเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ แม้สื่อมวลชนจะรายงานว่า ผู้ก่อความไม่สงบสังหารครูสองรายและนักเรียนหนึ่งรายเสียชีวิตในระหว่างปี รัฐบาลมักแจกอาวุธแก่อาสาสมัครพลเรือนป้องกันดินแดนทั้งที่เป็นชาวไทยพุทธและชาวมุสลิมเชื้อสายมลายู จัดกำลังป้องกันโรงเรียนและวัดพุทธ และจัดทหารคุ้มกันพระสงฆ์และครู
หมวดที่ 2 การเคารพสิทธิเสรีภาพของพลเมือง อันประกอบด้วย
ก. เสรีภาพในการพูดและเสรีภาพของสื่อมวลชน
คำสั่งของคสช. ที่จำกัดเสรีภาพในการพูดและเสรีภาพของสื่อมวลชนซึ่งครอบคลุมอย่างกว้าง ที่ประกาศใช้หลังรัฐประหารปี 2557 ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่เมื่อสิ้นปี เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจตามคำสั่งนี้ระงับงานของสื่อมวลชนบางช่องทาง ปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ทางอินเทอร์เน็ต และจับกุมผู้ที่ออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง นอกจากการจำกัดอย่างเป็นทางการเรื่องการพูดและการตรวจพิจารณาสื่อก่อนเผยแพร่แล้ว การกระทำของคสช. ยังส่งผลให้ประชาชนและสื่อมวลชนตรวจตราเนื้อหาของตนเองมากขึ้นก่อนเผยแพร่ คสช. ยังห้ามการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจเป็นภัยต่อคสช. หรือ “ก่อให้เกิดความขัดแย้ง” ในประเทศ
เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น คสช. จำกัดขอบเขตเสรีภาพในการพูดและการแสดงความคิดเห็นโดยใช้กฎข้อบังคับและบทบัญญัติทางอาญาหลากหลายรูปแบบ
มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา หรือที่เรียกกันว่ากฎหมายว่าด้วยการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กำหนดว่าการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นความผิดทางอาญาที่มีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปีต่อความผิดหนึ่งกระทง รัฐบาลยังคงใช้กฎหมายนี้ดำเนินคดีกับใครก็ตามที่วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์หรือราชวงศ์ด้วยวิธีใดก็ตาม กฎหมายอนุญาตให้ประชาชนร้องเรียนพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้หากพบเห็นผู้ใดกระทำการดังกล่าว รัฐบาลดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในชั้นศาลโดยไม่เปิดเผยและไม่อนุญาตให้มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับข้อกล่าวหาสู่สาธารณชน นอกจากนี้ รัฐบาลมักดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในศาลทหารซึ่งให้สิทธิและการคุ้มครองจำเลยพลเรือนน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม มีคำสั่งคสช. ที่ประกาศใช้ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2559 ที่ยุติการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดมาตรา 112 ในศาลทหารสำหรับความผิดที่เกิดขึ้นหลังจากวันดังกล่าว (กรุณาอ่านหมวด 1. ฉ.) องค์กรสิทธิมนุษยชนและนักวิชาการระหว่างประเทศและในประเทศแสดงความกังวลเรื่องผลกระทบในแง่ลบของกฎหมายว่าด้วยการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่มีต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
แม้ว่าสถิติทางการของแต่ละหน่วยงานมีความแตกต่างกัน แต่คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างมากหลังจากรัฐประหารปี 2557 จากข้อมูลขององค์กรพัฒนาเอกชนท้องถิ่นชื่อว่าโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน พบว่า ณ เดือนกันยายน มีการยื่นฟ้องร้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพคดีใหม่ทั้งสิ้น 90 คดีนับตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 ทั้งนี้ ในจำนวนนี้ มีคดีที่ผู้ต้องหากระทำความผิดที่ถูกกล่าวอ้างก่อนรัฐประหารปี 2557 แต่ทางการไม่ได้ดำเนินคดีจนกระทั่งหลังรัฐประหาร ข้อมูลจากกรมราชทัณฑ์ระบุว่า ทางการคุมขังผู้ละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 135 ราย ณ ข้อมูลเดือนสิงหาคม (รวมจำนวนผู้ต้องโทษในความผิดฐานทุจริตภายใต้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากการแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ)
ในเดือนเมษายน ศาลทหารสั่งจำคุกชายวัย 34 ปีจากจังหวัดเชียงใหม่เป็นเวลา 70 ปี โดยลดโทษเหลือ 35 ปีเนื่องจากให้การรับสารภาพในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 10 กระทง เนื่องจากเขียนข้อความหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ลงบนหน้าเฟสบุ๊คของเพื่อน ทั้งนี้ กลุ่มสิทธิมนุษยชนอ้างว่า โทษจำคุกดังกล่าวเป็นโทษที่ยาวนานที่สุดของคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนับแต่ที่มีมา
มีรายงานจำนวนมากระบุว่า เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงคุกคามบุคคลที่วิจารณ์รัฐบาลทหารอย่างเปิดเผย ในเดือนพฤษภาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวนักเคลื่อนไหวด้านการเมืองและญาติของผู้เสียชีวิตรวมทั้งหมดแปดรายที่จัดแสดงละครใบ้บริเวณถนนราชประสงค์เพื่อรำลึกครบรอบเจ็ดปีเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 ที่มีผู้เสียชีวิตเกือบ 90 ราย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุมโดยไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหา
เสรีภาพของสื่อมวลชน สื่ออิสระปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่องแต่ต้องเผชิญกับอุปสรรคในการทำหน้าที่อย่างเสรีหลายประการ สื่อมวลชนหลายรายรายงานข้อกังวลเกี่ยวกับคำสั่งของ คสช. ที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่รัฐจำกัดเสรีภาพสื่อและระงับการปฏิบัติงานชั่วคราวของสื่อโดยไม่ต้องมีคำสั่งศาลได้
รัฐธรรมนูญพุทธศักราช 2560 กำหนดให้เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนอื่นต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย ทั้งนี้ หน่วยงานของรัฐบาลเป็นเจ้าของและเป็นผู้ควบคุมกิจการสถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนใหญ่
ความรุนแรงและการคุกคาม เจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลกล่าววิพากษ์วิจารณ์สื่อมวลชนอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการทางด้านสื่อยังมีการร้องเรียนเกี่ยวกับการถูกคุกคามและเฝ้าสังเกตการณ์
ในเดือนสิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตั้งข้อกล่าวหานายประวิตร โรจนพฤกษ์สองกระทงว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการปลุกระดมและความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ กรณีที่นายประวิตรโพสต์แสดงความคิดเห็นบนเฟสบุ๊ควิจารณ์รัฐบาลทหารและการรับมือกับอุทกภัยในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อมาสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลยุติการคุกคามสื่อมวลชนและสาธารณชนด้วยการใช้กฎหมายปลุกระดม
การตรวจพิจารณาสิ่งพิมพ์ก่อนเผยแพร่ หรือการจำกัดเนื้อหา คสช. ระงับเนื้อหาที่พิจารณาว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรือคุกคามต่อคสช. อีกทั้งสื่อจำนวนมากตรวจสอบข้อความของตนก่อนนำเสนอ คำสั่งคสช. ฉบับที่ 41/2559 ให้อำนาจแก่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในการระงับชั่วคราวหรือเพิกถอนใบอนุญาตของผู้ดำเนินกิจการวิทยุหรือโทรทัศน์ที่เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ หรือวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหารโดยใช่เหตุ ทั้งนี้ ทางการเฝ้าตรวจสอบข้อมูลที่สื่อมวลชนทุกแขนงนำเสนอ รวมทั้งสื่อต่างชาติด้วย
พระราชกำหนดฉุกเฉิน ซึ่งมีผลบังคับใช้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้อำนาจรัฐบาลในการ “ห้ามการตีพิมพ์และเผยแพร่ข่าวและข้อมูลที่อาจสร้างความตื่นตระหนก หรือมีเจตนาที่จะบิดเบือนข้อมูล” และยังให้อำนาจรัฐบาลในการตรวจกรองข่าวที่พิจารณาว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
กฎหมายว่าด้วยการหมิ่นประมาท ความผิดฐานหมิ่นประมาทเป็นความผิดทางอาญา มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท (6,125 เหรียญสหรัฐ) และจำคุกไม่เกินสองปี บุคคลในแวดวงทหารและนักธุรกิจฟ้องร้องนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและสิ่งแวดล้อม นักข่าว และนักการเมืองฐานหมิ่นประมาททางอาญาและโฆษณาหมิ่นประมาท
มีคดีหมิ่นประมาทที่เป็นที่สนใจหลายคดีซึ่งดำเนินต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและบุคคลที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ในปี 2559 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ. รมน.) แจ้งข้อหาฐานหมิ่นประมาทและอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ต่อผู้ร่างรายงานเกี่ยวกับคดีที่มีการกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงซ้อมทรมานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคม เจ้าหน้าที่ กอ.รมน. ภาค 4 ถอนแจ้งความผู้ร่างรายงานสามคนดังกล่าว และในเดือนตุลาคมได้ถอนฟ้องทุกข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการ
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทต่อนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และพ.ต.อ. วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรองผบก. จเรตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นวิทยากรในงานเสวนาวิชาการในหัวข้อเรื่อง “ตำรวจไทยมีไว้ทำอะไร”
บริษัทเอกชนยังคงใช้กฎหมายหมิ่นประมาททางอาญาเพื่อดำเนินคดีต่อบุคคลที่วิพากษ์วิจารณ์บริษัทตน ในเดือนเมษายน บริษัท เมียนมาร์ พงษ์พิพัทธ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทประกอบกิจการเหมืองแร่ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ยื่นฟ้องคดีหมิ่นประมาทต่อนายปรัชญ์ รุจิวนารมย์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น กล่าวหาว่าเขาหมิ่นประมาทบริษัทจากการรายงานข่าวผลกระทบของการทำเหมืองแร่ที่มีต่อชาวบ้านที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง
รัฐบาลตั้งข้อหาปลุกระดมต่อผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหลายราย ในเดือนสิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาฐานปลุกระดมมวลชนต่อนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายวัฒนา เมืองสุข นักการเมืองพรรคเพื่อไทย จากการโพสต์ข้อความลงบนเฟสบุ๊ควิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคสช. เกี่ยวกับปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นายวัฒนา ยังถูกตั้งข้อกล่าวหาฐานปลุกระดมมวลชนจากการโพสต์ข้อความอื่นอีกบนเฟสบุ๊คที่เป็นการสนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งนี้ กลุ่มสิทธิมนุษยชนโต้แย้งว่า การตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นการละเมิดพันธสัญญาของประเทศไทยที่ต้องปฏิบัติตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
ความมั่นคงของชาติ คำสั่งคสช. หลายฉบับภายใต้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ซึ่งต่อมายังคงมีผลบังคับใช้ภายใต้รัฐธรรมนูญพุทธศักราช 2560 ให้อำนาจรัฐในการจำกัดการเผยแพร่เนื้อหาที่พิจารณาว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ สมาคมสื่อต่าง ๆ แสดงความกังวลเกี่ยวกับอำนาจเบ็ดเสร็จนี้ ซึ่งพวกเขามองว่าขาดเกณฑ์กำหนดที่ชัดเจนในการตัดสินว่าสิ่งใดเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ
ในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากที่มีการร้องเรียนจาก คสช. ทางกสทช. ได้สั่งระงับออกอากาศรายการข่าวการเมืองของช่องวอยซ์ทีวีเป็นเวลาเจ็ดวัน เนื่องจากตรวจพบว่าเนื้อหาในการพูดคุยในหัวข้อเรื่อง “ขัดแย้งเพราะตุลาการ (ไม่) ภิวัฒน์” ที่ออกอากาศในเดือนมกราคมเป็นการขัดต่อคำสั่งคสช. ที่ห้ามการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติหรือเป็นการวิพากษ์วิจารณ์คสช. ต่อมาในเดือนมีนาคม กสทช. สั่งพักใบอนุญาตของวอยซ์ทีวีเป็นเวลาเจ็ดวัน เนื่องจากพบว่าขัดคำสั่งคสช. ที่ห้าม “วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหารด้วยข้อมูลเท็จ”
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม กสทช. สั่งพักใบอนุญาตออกอากาศช่องพีซทีวี ซึ่งเป็นช่องที่ดำเนินการโดยแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ เป็นระยะเวลา 30 วัน ฐานออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาคุกคามความมั่นคงของชาติและยุยงปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง
เสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต
รัฐบาลยังคงจำกัดและขัดขวางการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ตลอดจนตรวจสอบเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต มีรายงานว่า รัฐบาลเฝ้าสังเกตการณ์การสื่อสารออนไลน์ส่วนบุคคลโดยไม่ได้มีอำนาจตามกฎหมายที่เหมาะสม
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ที่ได้รับการลงพระปรมาภิไธยจากพระมหากษัตริย์เมื่อวันที่ 23 มกราคม กำหนดขั้นตอนการเข้าค้นและตรวจยึดคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์ในการสืบสวนคดีอาชญากรรมบางประเภท และให้อำนาจแก่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในการร้องขอและบังคับให้ระงับการเผยแพร่ข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ทางการอาจลงโทษจำคุกสูงสุดห้าปีและปรับไม่เกิน 100,000 บาท (3,060 เหรียญสหรัฐ) ต่อผู้กระทำผิดฐานลงข้อมูลเท็จทางอินเทอร์เน็ตที่เป็นการคุกคามความมั่นคงของรัฐ ก่อให้เกิดความระส่ำระสายในหมู่ประชาชน หรือทำให้บุคคลอื่นได้รับความเดือดร้อน ซึ่งอิงจากคำนิยามที่คลุมเครือ นอกจากนี้ กฎหมายยังกำหนดให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเก็บบันทึกข้อมูลผู้ใช้งานทุกรายเป็นเวลา 90 วันเพื่อใช้ในกรณีที่ทางการต้องการข้อมูลเหล่านั้น นอกจากนี้ หากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใดเห็นชอบหรือจงใจสนับสนุนการลงเผยแพร่ข้อความผิดกฎหมายก็จะถูกลงโทษด้วย ทั้งนี้ กฎหมายกำหนดให้ทางการต้องขอคำสั่งศาลในการปิดกั้นเว็บไซต์ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับนี้เสมอไป นักเคลื่อนไหวด้านสื่อวิจารณ์กฎหมายว่า ให้คำจำกัดความของการกระทำความผิดไว้กว้างเกินไปและบทลงโทษบางบทก็รุนแรงเกินไป
โดยทั่วไปแล้ว บุคคลและกลุ่มบุคคลสามารถแสดงความคิดเห็นโดยสันติได้ทางอินเทอร์เน็ต แม้ว่ายังคงมีข้อจำกัดด้านเนื้อหาหลายประการ ซึ่งรวมถึง การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ภาพลามกอนาจาร การพนัน และการวิพากษ์วิจารณ์คสช.
รัฐบาลสอดส่องอย่างใกล้ชิดและสั่งปิดกั้นการเข้าเว็บไซต์หลายพันแห่งที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ การดำเนินคดีต่อนักข่าว นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในฐานหมิ่นประมาททางอาญาและปลุกระดมมวลชนจากการลงเนื้อหาออนไลน์นั้นสร้างบรรยากาศของการตรวจสอบตัวเองมากยิ่งขึ้น เว็บบอร์ดและกระดานสนทนาทางการเมืองในอินเทอร์เน็ตจำนวนมากคอยสอดส่องข้อความสนทนาและตรวจสอบเนื้อหาของตนอย่างใกล้ชิดเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสั่งปิดกั้น หนังสือพิมพ์ระงับหรือจำกัดการเข้าถึงพื้นที่แสดงความคิดเห็นจากประชาชนเพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการถูกฟ้องข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือหมิ่นประมาท กสทช. ยังชักจูงผู้ให้บริการเนื้อหาทางอินเทอร์เน็ตและผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ตที่เป็นต่างชาติให้ลบหรือตรวจสอบเนื้อหาของตนที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่มีการเผยแพร่ในประเทศ
ประชาชนสามารถเข้าถึงและมีการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างกว้างขวางในเขตเมือง ซึ่งรวมถึงโครงการของรัฐบาลที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะไร้สายความเร็วสูงฟรี (WiFi) โดยมีการจำกัดการเข้าถึงและมีจุดพร้อมโยงอยู่ที่ 300,000 แห่งในเมืองและตามโรงเรียน นอกจากนี้ รัฐบาลยังริเริ่มโครงการขยายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไปยังพื้นที่ชนบททั่วประเทศ กลุ่มเฝ้าระวังระหว่างประเทศประมาณการว่า พลเมืองราว 46 ล้านคน (คิดเป็นร้อยละ 67 ของประชากรทั้งประเทศ) สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในช่วงปีที่ผ่านมา
เสรีภาพทางวิชาการและการแสดงทางวัฒนธรรม
คสช. เข้าแทรกแซงเพื่อขัดขวางการเสวนาทางวิชาการในมหาวิทยาลัย ข่มขู่นักวิชาการ และจับกุมแกนนำเยาวชนที่วิพากษ์วิจารณ์การรัฐประหาร มหาวิทยาลัยต่างก็ตรวจสอบข้อความของตนก่อนนำเสนอ
มหาวิทยาลัยรายงานว่า มีทหารเข้ามาในมหาวิทยาลัยอยู่เป็นประจำเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์การบรรยายและเข้าร่วมกิจกรรมของนิสิตนักศึกษา มีหลายกรณีที่ทางการจับกุมนิสิตนักศึกษาจากการใช้เสรีภาพในการพูดและการแสดงความคิดเห็น
เมื่อเดือนสิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาต่อนายชยันต์ วรรธนะภูติ อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และบุคคลอื่นอีกสี่ราย ฐานฝ่าฝืนคำสั่งของ คสช. เรื่องการมั่วสุมชุมนุมทางการเมือง จากการเข้าร่วมงานเสวนานานาชาติเรื่องไทยศึกษา ที่จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยในเดือนกรกฎาคม มีภาพถ่ายบุคคลทั้งห้าถือแผ่นป้ายมีข้อความว่า “เวทีวิชาการ ไม่ใช่ค่ายทหาร” ซึ่งเป็นการประท้วงเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านการที่เจ้าหน้าที่ทหารมาเฝ้าสังเกตการณ์การเสวนาทางวิชาการ
เมื่อเดือนสิงหาคม เจ้าหน้าที่ทหารสั่งปลดภาพงานศิลปะเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมประท้วงปี 2553 จากนิทรรศการสองแห่งที่จัดแสดงในกรุงเทพมหานคร ซึ่งทางการพิจารณาว่าเป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยและการสร้างสมานฉันท์ของคนในชาติ
ข. เสรีภาพในการชุมนุมกันอย่างสงบและการจัดตั้งสมาคม
รัฐบาลจำกัดเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบและการจัดตั้งสมาคม
เสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบ
รัฐธรรมนูญพุทธศักราช 2560 ให้เสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบ ซึ่งต้องเป็นไปตามข้อจำกัดของบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่บังคับใช้เพื่อ “คุ้มครองประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น”
คำสั่งคสช. ที่ประกาศใช้ภายใต้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวและยังมีผลบังคับใช้ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ห้ามการชุมนุมทางการเมืองของบุคคลตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปและกำหนดบทลงโทษผู้ที่สนับสนุนการชุมนุมทางการเมืองใด ๆ ก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนโต้แย้งว่า ข้อห้ามดังกล่าวละเมิดพันธกรณีของไทยภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อมูลของกลุ่มเรียกร้องสิทธิมนุษยชนระบุว่า คสช. ขัดขวางงานชุมนุมสาธารณะ 13 ครั้งจนถึงเดือนกรกฎาคม และกว่า 157 ครั้งตั้งแต่เข้ายึดอำนาจในปี 2557 นอกจากนี้ ในเดือนพฤษภาคม สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทยประกาศว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งให้ทางสมาคมยกเลิกการจัดเสวนาในหัวข้อ “ความทรงจำแห่งอภิวัฒน์ 2475 – ปริศนาหมุดคณะราษฎรหาย”
ในเดือนมิถุนายน เจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามการรวมตัวกันในกรุงเทพมหานครเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ครบรอบ 85 ปีของการสิ้นสุดการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในปี 2475 นักเคลื่อนไหวระบุว่า นิสิตนักศึกษาและอาจารย์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์หรือมาหาพวกเขาที่บ้านเพื่อโน้มน้าวให้ไม่เข้าร่วมกิจกรรมรำลึกใดก็ตามที่วางแผนไว้ นิสิตนักศึกษาหลายรายรายงานว่า เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงยังตักเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองของพวกเขาว่าไม่ควรอนุญาตให้บุตรไปเข้าร่วมกิจกรรมใด
จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดพังงา มีกฎข้อบังคับของตนที่ห้ามแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะผู้ที่มาจากประเทศกัมพูชา ประเทศพม่า และประเทศลาว ทำการชุมนุมกัน ในขณะที่จังหวัดสมุทรสาครห้ามการชุมนุมของแรงงานอพยพเกินกว่าห้าคนขึ้นไป อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้บังคับใช้กฎข้อบังคับดังกล่าวอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะหากการชุมนุมจัดขึ้นในสถานที่ส่วนบุคคล นายจ้างและองค์กรพัฒนาเอกชนอาจขออนุญาตจากทางการให้แรงงานต่างด้าวจัดงานชุมนุมทางวัฒนธรรมได้
เสรีภาพในการจัดตั้งสมาคม
รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวไม่ได้ระบุให้เสรีภาพในการจัดตั้งสมาคมไว้อย่างชัดแจ้ง รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ให้บุคคลมีสิทธิในการจัดตั้งสมาคมโดยมีข้อจำกัดบางประการเพื่อ “ปกป้องประโยชน์ ความเป็นระเบียบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีงามของส่วนรวม”
กฎหมายห้ามการจดทะเบียนพรรคการเมืองในชื่อเดียวกันหรือใช้สัญลักษณ์เดียวกันกับพรรคการเมืองที่ถูกยุบตามกฎหมาย
ค. เสรีภาพในการนับถือศาสนา
สามารถอ่านรายงานว่าด้วยเสรีภาพในการนับถือศาสนาของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ที่ เว็บไซต์ www.state.gov/religiousfreedomreport/
ง. เสรีภาพในการเดินทาง
รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวและรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ให้เสรีภาพประชาชนในการเดินทางภายในประเทศ การเดินทางไปต่างประเทศ การโยกย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศ และการเดินทางกลับประเทศ โดยทั่วไป รัฐบาลเคารพในสิทธิดังกล่าว แต่ก็มีข้อยกเว้นบางกรณีเพื่อ “รักษาความมั่นคงของประเทศ ความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน การวางผังเมืองและการวางผังประเทศ หรือสวัสดิภาพของเยาวชน”
หลังเหตุการณ์รัฐประหารปี 2557 คสช. ออกคำสั่งห้ามบุคคลประมาณ 155 รายเดินทางออกนอกประเทศ ทั้งนี้ คำสั่งที่มีผลต่อบุคคลดังกล่าวส่วนใหญ่ถูกยกเลิกไปในปี พ.ศ. 2559 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนประเมินว่า มีบุคคลอีก 300 รายที่ถูกคสช. เรียกให้มารายงานตัวหลังรัฐประหารปี 2557 ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อเป็นเงื่อนไขการปล่อยตัว โดยยินยอมที่จะไม่เดินทางออกนอกประเทศหากไม่ได้รับอนุญาตจากคสช. ศูนย์ทนายความฯ ระบุด้วยว่า คสช. ยังไม่ได้ยกเลิกการจำกัดการเดินทางที่อยู่ในข้อตกลงนี้
โดยทั่วไปแล้ว รัฐบาลให้ความร่วมมือกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ และองค์กรด้านมนุษยธรรมในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ผู้แสวงหาที่พักพิง บุคคลไร้สัญชาติ และบุคคลในความห่วงใยอื่น ๆ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดอยู่บ้างก็ตาม ความร่วมมือกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติยังคงเป็นไปอย่างไม่สม่ำเสมอ ซึ่งเป็นการจำกัดความสามารถของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติในการให้ความคุ้มครองบุคคลทุกสัญชาติ
การกระทำมิชอบต่อผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย และบุคคลไร้สัญชาติ ในปี พ.ศ. 2558 ทางการกักกันชาวโรฮีนจาและชาวบังกลาเทศประมาณ 870 รายในศูนย์กักกันของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสถานที่อื่น ๆ ซึ่งคนกลุ่มนี้เดินทางเข้าประเทศไทยอย่างไม่ปกติโดยทางเรือในช่วงวิกฤติผู้อพยพทางเรือในอ่าวเบงกอลและทะเลอันดามันในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2558 ทั้งนี้ ณ เดือนกันยายน มีผู้อพยพราว 140 ราย (ส่วนมากเป็นชาวโรฮีนจา) ยังคงถูกกักขังอยู่
ทางการยังคงปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงจากพม่าที่อาศัยอยู่นอกค่ายพักพิงตามชายแดน ซึ่งรวมถึงชาวโรฮีนจาที่มาทางเรือประหนึ่งเป็นบุคคลเข้าเมืองผิดกฎหมาย บุคคลที่ถูกระบุสถานภาพว่าเป็นบุคคลเข้าเมืองผิดกฎหมายจะถูกจับและกักกันตามกฎหมาย ถึงแม้ว่าในปี พ.ศ. 2556 จะมีการนำกระบวนการอนุญาตให้มีการประกันตัวผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงที่ถูกกักกันกลับมาใช้อีกครั้ง แต่ทางการกลับไม่อนุญาตให้มีการประกันตัวผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงที่ถูกกักกันตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2559
องค์การด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศมีข้อกังวลว่า ศูนย์กักกันของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีสภาพแออัด ผู้ถูกกักกันขาดโอกาสในการออกกำลังกาย และมีเสรีภาพในการเดินทางที่จำกัด
การเดินทางภายในประเทศ รัฐบาลจำกัดเสรีภาพในการเดินทางภายในประเทศของชาวเขาและชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ ที่ไม่มีสัญชาติไทยแต่ถือบัตรประจำตัวที่รัฐบาลออกให้ ทางการห้ามผู้ถือบัตรเหล่านี้เดินทางออกนอกเขตอำเภอที่อาศัยอยู่โดยไม่ได้รับอนุญาตล่วงหน้าจากนายอำเภอหรือเดินทางออกนอกจังหวัดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับหรือต้องโทษจำคุก 45-60 วัน ส่วนผู้ที่ไม่มีบัตรไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเลย องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ตำรวจตามจุดตรวจในประเทศมักเรียกเก็บสินบนเพื่อแลกกับการอนุญาตให้บุคคลไร้สัญชาติเดินทางจากอำเภอหนึ่งไปยังอีกอำเภอหนึ่ง
การเดินทางไปต่างประเทศ ทางการกำหนดว่า บุคคลไร้สัญชาติอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมาเป็นเวลานาน ซึ่งรวมถึงชาวไทใหญ่และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ชาวเขาจำนวนหลายพันคนต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหากต้องการเดินทางไปต่างประเทศ ผู้ลี้ภัยชาวพม่าบางรายที่ได้รับอนุญาตให้ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่สามแต่ไม่ได้รับการรับรองสถานะจากรัฐบาลไทยว่าเป็นผู้ลี้ภัยต้องรอใบอนุญาตให้ออกจากประเทศ (exit permit) เป็นเวลานานหลายปี
การคุ้มครองผู้ลี้ภัย
การดูแลผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงของรัฐบาลยังคงมีลักษณะไม่แน่นอนสม่ำเสมอ อย่างไรก็ดี หน่วยงานภาครัฐยังคงให้ที่พักพิงแก่ผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงจำนวนมาก และให้ความคุ้มครองผู้ลี้ภัยเพื่อไม่ให้ถูกผลักดันหรือถูกส่งกลับประเทศ รวมทั้งอนุญาตให้ผู้ที่หนีการสู้รบหรือเหตุการณ์ความรุนแรงอื่นๆ ในประเทศเพื่อนบ้านข้ามพรมแดนมาพักในไทยได้จนกว่าการสู้รบจะยุติ นอกจากนี้ ผู้ลี้ภัยที่ไม่ใช่ชาวพม่าที่ได้รับการรับรองสถานภาพจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติรวมทั้งผู้ลี้ภัยชาวพม่าที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้วและอาศัยอยู่ในค่ายอพยพของทางการได้รับอนุญาตให้โยกย้ายไปตั้งถิ่นฐานในประเทศที่สาม
การส่งผู้ลี้ภัยกลับไปสู่อันตราย: รัฐบาลให้ความคุ้มครองในระดับหนึ่งแก่ผู้ลี้ภัยโดยไม่ผลักดันหรือส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศหากชีวิตหรือเสรีภาพของคนเหล่านี้จะถูกคุกคามอันเนื่องมาจากเชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ สถานภาพการเป็นสมาชิกของกลุ่มสังคมหรือทัศนคติทางการเมือง นอกค่ายผู้ลี้ภัย เจ้าหน้าที่ทางการจะไม่แยกความแตกต่างระหว่างชาวพม่าที่แสวงที่พักพิงกับชาวพม่าที่เข้าเมืองโดยไม่มีเอกสาร โดยพิจารณาว่า ทุกคนเป็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมายหมด โดยทั่วไป ผู้ที่ถูกจับนอกค่ายผู้ลี้ภัยจะถูกทางการนำไปส่งที่ชายแดนและส่งกลับประเทศภูมิลำเนา โดยปกติแล้ว ทางการไม่เนรเทศบุคคลในความห่วงใย (person of concern) ที่มีสถานะผู้แสวงหาที่พักพิงหรือผู้ลี้ภัยของ UNHCR อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม เมื่อปี พ.ศ. 2558 ทางการบังคับเนรเทศผู้อพยพกลุ่มเปราะบางชาวอุยกูร์ 109 คนไปยังจีน เมื่อถึงเดือนธันวาคม ชาวอุยกูร์ประมาณ 60 คนยังคงอยู่ระหว่างการกักตัว
ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในกรุงเทพมหานครจับกุมและกักขังผู้แสวงหาที่พักพิงและผู้ลี้ภัยซึ่งมีผู้หญิงและเด็ก มีผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงประมาณ 200 คนที่อาศัยอยู่ที่ศูนย์กักกันของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
การเข้าพักค่ายพักพิง: กฎหมายไม่มีการให้สถานะผู้แสวงหาที่พักพิงและผู้ลี้ภัย ผู้แสวงหาที่พักพิงและผู้ลี้ภัยชาวพม่าที่อาศัยอยู่ภายนอกค่ายผู้ลี้ภัยของทางการถือว่าเป็นผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับผู้แสวงหาที่พักพิงและผู้ลี้ภัยที่ไม่ใช่ชาวพม่าทุกคนในประเทศไทยที่ไม่มีหนังสือเดินทางและวีซ่าอย่างถูกต้อง ถ้าบุคคลเหล่านี้ถูกจับตัวได้ จะถูกนำไปกักกันอย่างไม่มีกำหนดที่ศูนย์กักกันของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งองค์การสหประชาชาติยังคงถูกจำกัดการให้ความคุ้มครองแก่ผู้ลี้ภัยบางประเภทซึ่งอาศัยอยู่นอกค่ายผู้ลี้ภัยของทางการ การอนุญาตให้สำนักงานฯ เข้าพบผู้แสวงหาที่พักพิงที่ศูนย์กักกันของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่กรุงเทพฯ และสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเพื่อดำเนินการสัมภาษณ์พิจารณาสถานภาพรวมทั้งสอดส่องดูแลผู้แสวงหาที่พักพิงที่เพิ่งมาถึงนั้นมีความเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอนตลอดช่วงปีที่ผ่านมา สำนักงานฯ สามารถเข้าศูนย์กักกันของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่กักกันชาวโรฮีนจา เพื่อดำเนินการระบุสถานภาพผู้ลี้ภัย ทางการอนุญาตประเทศที่รับผู้แสวงหาที่พักพิงไปตั้งหลักแหล่งในประเทศของตนให้ดำเนินขั้นตอนต่างๆ ที่ศูนย์กักกันฯ ได้ ส่วนองค์การด้านมนุษยธรรมก็ได้รับอนุญาตให้จัดให้บริการทางสุขภาพ อาหาร และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอื่นๆ ด้วย
รัฐบาลอนุญาตให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งองค์การสหประชาชาติ (UNHCR) สอดส่องการคุ้มครองผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงชาวพม่าประมาณ 102,000 คนที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยเก้าแห่งบริเวณชายแดนไทยที่ติดกับพม่า แต่ห้ามสำนักงานฯ ให้ความช่วยเหลือใดๆ ในค่ายผู้ลี้ภัยเหล่านี้ องค์กรพัฒนาเอกชนซึ่งได้รับเงินทุนจากประชาคมระหว่างประเทศให้ความช่วยเหลือปัจจัยพื้นฐานด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย เช่น การรักษาพยาบาล อาหาร การศึกษา ที่พักพิง น้ำ บริการสุขอนามัย การฝึกอาชีพ และบริการอื่นๆ UNHCR ออกบัตรประจำตัวแก่ผู้ลี้ภัยในค่ายที่ขึ้นทะเบียนแล้ว
เมื่อถึงเดือนสิงหาคม รัฐบาลอำนวยความสะดวกให้ชาวพม่าจำนวน 1,600 คนย้ายจากค่ายลี้ภัยไปตั้งถิ่นฐานในประเทศที่สาม ผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ในค่ายพักพิงตามชายแดนทั้งเก้าแห่งที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางการไม่มีสิทธิโยกย้ายไปตั้งถิ่นฐานในประเทศที่สาม
เสรีภาพในการเดินทาง: ผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยเก้าแห่งบริเวณชายแดนติดกับประเทศพม่าไม่มีเสรีภาพในการเดินทางและถูกจำกัดบริเวณอยู่เพียงในค่ายผู้ลี้ภัยเท่านั้น หากผู้ลี้ภัยถูกจับนอกเขตค่ายผู้ลี้ภัยอย่างเป็นทางการ ผู้ลี้ภัยอาจถูกคุกคาม ปรับ กักกันตัว ถอนทะเบียนและเนรเทศกลับประเทศ
ผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงไม่มีสิทธิเข้ากระบวนการพิสูจน์สัญชาติอย่างเป็นทางการ ซึ่งกระบวนการนี้จะอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวที่ได้รับการพิสูจน์สัญชาติและมีหนังสือเดินทางสามารถเดินทางได้ทั่วประเทศ
การจ้างงาน: กฎหมายห้ามผู้ลี้ภัยทำงานในประเทศ รัฐบาลได้อนุญาตให้แรงงานต่างด้าวที่ไม่มีเอกสารประจำตัวที่มาจากประเทศพม่า กัมพูชาและลาว สามารถทำงานในภาคเศรษฐกิจบางส่วนได้อย่างถูกกฎหมายถ้าขึ้นทะเบียนกับทางการและดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดเพื่อขอทำเอกสารระบุสถานภาพของตน (ดูหมวด 7.ง.) นอกจากนี้ กฎหมายยังอนุญาตให้เหยื่อค้ามนุษย์และพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ที่ให้ความร่วมมือกับคดีที่รออยู่ในชั้นศาล ให้ทำงานได้อย่างถูกกฎหมายเป็นระยะเวลาไม่เกินสองปีหลังจากที่การพิจารณาคดีของเหยื่อค้ามนุษย์และพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วเสร็จ
การเข้าถึงบริการพื้นฐาน: ประชาคมนานาชาติให้การบริการขั้นพื้นฐานแก่ผู้ลี้ภัยที่อาศัยภายในค่ายพักพิงเก้าแห่งตามชายแดนพม่า ระบบการส่งตัวทางการแพทย์ทำให้ผู้ลี้ภัยสามารถขอรับการรักษาพยาบาลอื่น ๆ ที่จำเป็นนอกเหนือจากการดูแลขั้นต้นได้ สำหรับประชากรผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงในเมืองที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร การเข้าถึงบริการพื้นฐานยังมีน้อย องค์กรพัฒนาเอกชนสองแห่งจัดบริการดูแลสุขภาพขั้นต้นรวมถึงสุขภาพจิตมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 UNHCR ประสานงานการส่งต่อผู้ป่วยกรณีฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลท้องถิ่น
เนื่องจากเด็กผู้ลี้ภัยชาวพม่าโดยทั่วไปไม่อาจเข้ารับการศึกษาในระบบการศึกษาของรัฐบาลได้ องค์กรพัฒนาเอกชนจึงจัดการศึกษาให้ โดยบางแห่งประสานงานกับกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับหลักสูตรการศึกษาด้วย ในกรุงเทพมหานคร ชุมชนผู้ลี้ภัยบางแห่งจัดตั้งโรงเรียนของชุมชนเองเพื่อให้การศึกษาแก่ลูกหลานของตน บางแห่งก็ขวนขวายเรียนภาษาไทยโดยการสนับสนุนจาก UNHCR เพราะตามกฎหมายแล้ว โรงเรียนรัฐบาลจะต้องรับเด็กที่สามารถพูด อ่าน และเขียนภาษาไทยได้คล่องในระดับหนึ่งเข้าศึกษา ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะมีสถานะทางกฎหมายอย่างไรก็ตาม
การคุ้มครองชั่วคราว: รัฐบาลยังคงขยายระยะเวลาให้การคุ้มครองชั่วคราวแก่ผู้อพยพชาวโรฮีนจาและบังกลาเทศที่เข้ามาในช่วงวิกฤตผู้อพยพทางเรือในอ่าวเบงกอลและทะเลอันดามันเมื่อ พ.ศ. 2558
บุคคลไร้สัญชาติ
รัฐบาลยังคงดำเนินการระบุตัวบุคคลไร้สัญชาติ จัดหาเอกสารเพื่อแก้ปัญหาการไร้สัญชาติ และเปิดทางให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานานสามารถขอความเป็นพลเมืองไทยได้ รัฐบาลประเมินว่า มีบุคคลราว 485,500 คนในประเทศไทยที่อาจเป็นบุคคลไร้สัญชาติหรือเสี่ยงต่อการไร้สัญชาติ โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในภาคเหนือ รวมถึงผู้ย้ายถิ่นชาวพม่าที่ไม่มีหลักฐานแสดงสัญชาติพม่า ชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางการ และชนกลุ่มน้อยที่ไม่เคยมีเอกสารเมื่อในอดีต
รัฐบาลให้คำมั่นว่าภายใน พ.ศ. 2567 คนไร้สัญชาติจะหมดไป และเมื่อ พ.ศ. 2559 รัฐบาลก็ได้เห็นชอบมติคณะรัฐมนตรี ที่กำหนดแนวทางที่ทำให้เด็กและวัยรุ่นไร้สัญชาติประมาณ 80,000 คนได้รับสัญชาติไทย มตินี้ยังครอบคลุมถึงบุคคลที่เกิดในประเทศ และมีบิดามารดาเป็นชนกลุ่มน้อย ขึ้นทะเบียนกับรัฐบาล และอาศัยอยู่ในประเทศมาเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 15 ปี นอกจากนี้ มติดังกล่าวยังใช้บังคับกับเยาวชนที่ไร้สัญชาติที่ไม่ทราบชาติกำเนิด ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานรัฐบาลว่า ได้อาศัยอยู่ในประเทศมาเป็นระยะเวลา 10 ปี
การเกิดในประเทศไม่ทำให้ได้สัญชาติโดยอัตโนมัติ ตามกฎหมาย การได้สัญชาติต้องเป็นการกำเนิดจากบุพการีที่อย่างน้อยหนึ่งคนเป็นพลเมืองไทย การสมรสกับชายไทย หรือการแปลงสัญชาติเป็นไทย นอกจากนี้ บุคคลอาจขอสัญชาติได้ตามหลักเกณฑ์พิเศษซึ่งรัฐบาลกำหนดขึ้นและดำเนินการโดยกระทรวงมหาดไทยซึ่งได้รับอนุมัติโดยคณะรัฐมนตรีหรือเป็นไปตามพระราชบัญญัติสัญชาติ (ดูหมวด 6 เยาวชน ประกอบ) การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเมื่อเร็ว ๆ นี้ อนุญาตให้บุคคลไร้สัญชาติเชื้อสายไทยและบุตรที่มีคุณสมบัติตรงตามคำจำกัดความของ “ชาวไทยพลัดถิ่น” สามารถขอสถานภาพ “การมีสัญชาติไทยโดยกำเนิด” ได้
กฎหมายกำหนดว่า เด็กทุกคนที่เกิดในประเทศจะได้รับสูติบัตรจากทางการไม่ว่าบิดามารดาจะมีสถานภาพทางกฎหมายอย่างไร บิดามารดาหลายคนไม่ขอสูติบัตรให้แก่บุตรตนเพราะขั้นตอนยุ่งยากและต้องเดินทางจากพื้นที่ห่างไกลเข้าไปที่ว่าการอำเภอ ตลอดจนไม่ตระหนักถึงความสำคัญของเอกสารนี้
ตามกฎหมาย ชาวเขาผู้ไร้สัญชาติไม่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งหรือเป็นเจ้าของที่ดิน รวมทั้งถูกจำกัดการเดินทาง นอกจากนี้ บุคคลไร้สัญชาติยังไม่อาจประกอบอาชีพบางประเภทที่สงวนไว้สำหรับบุคคลสัญชาติไทย เช่น อาชีพเกษตรกรรม แม้ว่าในทางปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ทางการจะอนุญาตให้ชาวเขาที่ไม่ได้เป็นพลเมืองไทยทำการเกษตรเพื่อยังชีพได้ บุคคลไร้สัญชาติประสบความยากลำบากในการขอกู้เงินและการเข้าถึงบริการต่างๆ ของรัฐ เช่น การรักษาพยาบาล แม้ว่าเด็กไร้สัญชาติที่ไม่มีเอกสารสามารถเข้าโรงเรียนรัฐได้ แต่การศึกษาก็ด้อยคุณภาพ ผู้บริหารโรงเรียนระบุสถานภาพ “พลเมืองที่ไม่ใช่ชาวไทย” บนประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาของเด็กเหล่านี้ซึ่งเป็นการจำกัดโอกาสทางเศรษฐกิจของพวกเขาเป็นอย่างมาก มหาวิทยาลัยรัฐบางแห่งเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมการศึกษาจากนักศึกษาไร้สัญชาติที่ไม่มีเอกสารในอัตราที่สูงกว่าที่เก็บจากนักศึกษาชาวไทย
เนื่องจากไม่มีสถานภาพที่ถูกต้องตามกฎหมาย บุคคลไร้สัญชาติจึงเสี่ยงต่อการถูกกระทำมิชอบในรูปแบบต่างๆ (ดูหมวด 6 เยาวชนและชาวพื้นเมืองประกอบ)
หมวดที่ 3 เสรีภาพในการมีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมือง
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 กำหนดให้พลเมืองสามารถเลือกรัฐบาลของตนเองได้ด้วยการเลือกตั้งที่จัดขึ้นเป็นช่วง ๆ อย่างเสรีและยุติธรรม โดยการลงคะแนนเป็นการลับ และมีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นสากลและเท่าเทียม ซึ่งแตกต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว แม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้งและการจัดตั้งสมาชิกรัฐสภาออกมา และยังไม่มีการเลือกตั้งในปีที่ผ่านมาก็ตาม
การเลือกตั้งและการมีส่วนร่วมทางการเมือง
การเลือกตั้งที่เพิ่งผ่านมา: ไม่มีการจัดการเลือกตั้งนับตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหาร พ.ศ. 2557 ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 85/2557 และ 86/2557 ซึ่งออกประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2557 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คำสั่งที่ 1/2557 ซึ่งออกประกาศเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2557 สั่งระงับการเลือกตั้งทุกประเภททั่วประเทศ ทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่น
เมื่อมีการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559 ผู้มาใช้สิทธิส่วนใหญ่ออกเสียงเห็นชอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 กฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ซึ่งได้ระบุถึงการจำกัดการรณรงค์ที่สนับสนุนหรือต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญ ได้กำกับดูแลช่วงเวลาก่อนการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่มักใช้กฎหมายฉบับนี้จำกัดการอภิปรายที่เสรีและเปิดกว้างก่อนการลงประชามติ กลุ่มสิทธิมนุษยชนรายงานว่า มีผู้ถูกจับกุมประมาณ 200 คน ในข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ บุคคลที่ถูกจับกุมทั้งหมดเป็นฝ่ายที่คัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุนี้ ผู้สังเกตการณ์หลายรายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศจึงวิจารณ์การลงประชามติครั้งนี้ว่าเป็นไปอย่างไม่เป็นธรรม เพราะผู้มีสิทธิออกเสียงไม่สามารถรับส่งข้อมูลและรณรงค์สนับสนุนทางเลือกของตนได้โดยเสรี
ไม่มีรายงานที่ได้รับการยืนยันเกี่ยวกับความผิดปกติในการออกเสียงลงประชามติโดยการลงคะแนนเสียงลับ
พรรคการเมืองและการมีส่วนร่วมทางการเมือง: รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวห้ามมิให้ผู้เคยดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองภายในระยะเวลาสามปีเข้ารับตำแหน่งในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ข้อจำกัดเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมือง โดยเฉพาะการห้ามการชุมนุมทางการเมืองเกินกว่าห้าคนขึ้นไป ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของพรรคการเมือง
การมีส่วนร่วมของสตรีและชนกลุ่มน้อย: รัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้อยู่ก่อนรัฐประหารสนับสนุนให้พรรคการเมือง “มีสมาชิกพรรคที่เป็นหญิงและชายในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน” ทั้งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2560 ไม่มีบทบัญญัติดังกล่าว ไม่มีกฎหมายที่ห้ามมิให้ผู้หญิงและชนกลุ่มน้อยมีส่วนร่วมทางการเมือง อย่างไรก็ดี ผู้หญิงและชนกลุ่มน้อยก็มีส่วนร่วมได้อย่างจำกัด
สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่แต่งตั้งโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีสมาชิกที่เป็นผู้หญิง 13 คนจากทั้งหมด 249 คน ส่วนคณะรัฐมนตรีรักษาการมีรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิง 4 คน จากสมาชิกทั้งหมด 34 คน รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชุดที่แล้วมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นผู้หญิง 81 คนจากสมาชิกทั้งหมด 500 คน
มีสมาชิกจากชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์หรือศาสนาไม่กี่คนที่มีตำแหน่งสูงทางการเมืองระดับประเทศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีสมาชิกที่นับถือศาสนาอิสลามสี่คนและนับถือศาสนาคริสต์หนึ่งคนจากสมาชิกทั้งหมด 249 คน ไม่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามหรือศาสนาคริสต์ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกคน (ที่รับการแต่งตั้งมาจากส่วนกลาง) ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นับถือศาสนาพุทธ แต่นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ดังกล่าวเป็นชาวมุสลิม
หมวดที่ 4 การทุจริตในวงราชการและความโปร่งใสของรัฐบาล
กฎหมายกำหนดโทษทางอาญาสำหรับการทุจริตในวงราชการ การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวโดยรัฐบาลเพิ่มมากขึ้นภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทว่า ในบางครั้ง ข้าราชการก็พัวพันกับการกระทำการทุจริตโดยไม่ต้องรับโทษ ในช่วงปีที่ผ่านมามีรายงานเกี่ยวกับการทุจริตในวงราชการหลายกรณี
การทุจริต: การทุจริตยังคงมีอยู่ในวงกว้างในวงการตำรวจ ทางการจับกุมและพิพากษาลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหาทุจริต ค้ายาเสพติดและลักลอบขนสินค้าเถื่อน นอกจากนี้ ยังมีรายงานกล่าวหาตำรวจว่ากระทำการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย
เมื่อ พ.ศ. 2558 อัยการสูงสุดดำเนินการยื่นฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่อีก 28 คนที่ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลของเธอ ฐานกระทำผิดต่อหน้าที่ในการจัดการโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เมื่อเดือนสิงหาคม ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ตัดสินว่าจำเลยทั้ง 20 คนมีความผิดอาญาฐานทุจริต และสั่งจำคุกนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 42 ปี ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบในการจัดการสัญญาแบบรัฐต่อรัฐกับบริษัทจีน ในโครงการรับจำนำข้าวดังกล่าว เมื่อเดือนกันยายน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ได้อ่านคำพิพากษาลับหลังนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพิพากษาจำคุกเธอเป็นเวลา 5 ปี ฐานปล่อยปละละเลยให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ในรัฐบาลของเธอ กระทำการทุจริต ก่อนที่จะมีการอ่านคำพิพากษา ก็มีรายงานว่านางสาวยิ่งลักษณ์ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว และหลังจากที่มีการอ่านคำพิพากษา ศาลก็ได้ออกหมายจับเธอทันที
หมายจับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งออกเมื่อ พ.ศ. 2552 ยังคงมีผลอยู่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาจำคุกทักษิณเป็นระยะเวลาสองปีครึ่ง ฐานพัวพันกับการปล่อยเงินกู้จากธนาคารของรัฐให้แก่ประเทศพม่า ทุกวันนี้ เขาก็ยังคงอาศัยอยู่นอกประเทศ
การแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน: กฎหมายกำหนดให้ข้าราชการต้องแจ้งรายการทรัพย์สินของตน และระเบียบราชการกำหนดให้ข้าราชการที่ได้รับการเลือกตั้งและที่ได้รับการแต่งตั้งแจ้งรายการทรัพย์สินและรายได้ของตน ตามแบบฟอร์มที่กำหนดเป็นมาตรฐาน กฎหมายกำหนดบทลงโทษข้าราชการที่ไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สิน หรือแจ้งรายการไม่ตรงตามความเป็นจริง หรือปกปิดทรัพย์สิน บทลงโทษรวมถึงการตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลาห้าปี การยึดทรัพย์ การปลดออกจากตำแหน่ง และจำคุกไม่เกินหกเดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท (306 ดอลลาร์สหรัฐ) หรือทั้งจำทั้งปรับ
ระเบียบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการเปิดเผยทรัพย์สินต่อสาธารณชนนั้นไม่ครอบคลุมถึงสมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แม้ว่า สมาชิกคสช. ที่เป็นสมาชิกคณะรัฐมนตรีจะต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้ก็ตาม อีกทั้งทางการยังยกเว้นให้สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้เช่นกัน สภาดังกล่าวมีสมาชิก 200 คนซึ่งมาจากการแต่งตั้งโดยคสช. และถูกยุบไปเมื่อเดือนกรกฎาคม
หมวดที่ 5 ท่าทีของรัฐบาลต่อการสืบสวนโดยองค์กรระหว่างประเทศและองค์กรเอกชนในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
องค์กรสิทธิมนุษยชนในประเทศและระหว่างประเทศหลายประเภทดำเนินกิจกรรมอยู่ในประเทศไทย คำสั่งต่างๆ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานขององค์กรพัฒนาเอกชน ซึ่งรวมถึงการห้ามชุมนุมและจัดกิจกรรมทางการเมือง ตลอดจนการจำกัดบทบาทของสื่อมวลชน องค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินการเกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองที่อ่อนไหว เช่น การปฏิรูปการเมือง การคัดค้านโครงการพัฒนาที่รัฐบาลเป็นผู้สนับสนุน ยังคงเผชิญกับการคุกคามเป็นระยะๆ
เจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนที่ทำงานเรื่องความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้มักเสี่ยงต่อการถูกคุกคามและข่มขู่จากเจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ องค์กรพัฒนาเอกชนหลายแหล่งก็รายงานว่ามีการคุกคามและการข่มขู่ทางออนไลน์ที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย รัฐบาลให้สิทธิยกเว้นภาษีแก่องค์กรพัฒนาเอกชนเพียงไม่กี่ราย ซึ่งบางครั้งก็เป็นอุปสรรคต่อการหาเงินทุนขององค์กรเหล่านี้
สหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ: สหประชาชาติรายงานว่า ยังคงไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เกี่ยวกับการขออนุญาตเดินทางมาไทยของคณะทำงานของสหประชาชาติด้านการหายสาบสูญ ผู้เสนอรายงานพิเศษของสหประชาชาติด้านเสรีภาพในการแสดงออก การชุมนุมและการจัดตั้งสมาคม หรือผู้เสนอรายงานพิเศษของสหประชาชาติด้านสถานการณ์ของผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน ผู้อพยพและผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ สหประชาชาติรายงานว่า รัฐบาลไม่ได้ตอบรับการเดินทางเยือนไทยโดยผู้เชี่ยวชาญคนใดภายใต้กระบวนการตามกลไกพิเศษของสหประชาชาตินับตั้งแต่ พ.ศ. 2556 เมื่อถึงเดือนตุลาคม มีคำขออนุญาตเดินทางเยือนไทยตามกลไกพิเศษของสหประชาชาติที่ยังคงค้างอยู่รวม 18 เรื่อง
องค์กรสิทธิมนุษยชนภาครัฐ: คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นคณะกรรมการอิสระที่มีภารกิจในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและจัดทำรายงานประจำปี คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้รับคำร้อง 404 เรื่องจนถึงเดือนกันยายน โดยในระยะเวลาเดียวกันปี พ.ศ. 2559 ได้รับคำร้อง 617 เรื่อง ในจำนวนนี้มี 94 เรื่องเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาการกระทำมิชอบโดยตำรวจ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า กลุ่มสิทธิมนุษยชนยังคงวิพากษ์วิจารณ์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่ไม่ยื่นฟ้องร้องผู้กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยตนเองหรือในนามของผู้ร้องเรียน
สำนักผู้ตรวจการของรัฐสภาเป็นหน่วยงานอิสระและมีอำนาจพิจารณาและสอบสวนคำร้องเรียนจากประชาชน หลังจากดำเนินการสอบสวน สำนักผู้ตรวจการของรัฐสภาอาจส่งเรื่องต่อไปศาลเพื่อพิจารณาต่อไป หรือให้คำแนะนำแก่หน่วยงานที่เหมาะสมเพื่อดำเนินการต่อไป สำนักผู้ตรวจการของรัฐสภาทำการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนทั้งหมด แต่ไม่มีอำนาจบังคับให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการตามคำแนะนำของสำนักฯ ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2559 จนถึงเดือนกรกฎาคม สำนักผู้ตรวจการของรัฐสภารับเรื่องร้องเรียนใหม่ 2,125 เรื่อง โดยในจำนวนนี้มี 455 เรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาการกระทำมิชอบโดยตำรวจ
หมวดที่ 6 การเลือกปฏิบัติ การกระทำมิชอบในสังคม และการค้ามนุษย์
สตรี
การข่มขืนและความรุนแรงในครัวเรือน: การข่มขืนกระทำชำเราถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้ว่ารัฐบาลไม่ได้บังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอย่างมีประสิทธิผลเสมอไป กฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับสามีที่ข่มขืนภรรยาของตน และมีการดำเนินคดีประเภทนี้ กฎหมายกำหนดบทลงโทษหลายระดับสำหรับคดีข่มขืนหรือการทำร้ายทางเพศ เริ่มตั้งแต่โทษจำคุกสี่ปีจนถึงประหารชีวิต รวมถึงโทษปรับ
องค์กรพัฒนาเอกชนยืนยันว่า การข่มขืนเป็นปัญหาร้ายแรง และก็ยังตั้งข้อสังเกตว่า มีมาตรการตามกฎหมายที่ผ่อนผันให้ผู้กระทำผิดที่อายุต่ำกว่า 18 ปีสามารถหลีกเลี่ยงการดำเนินคดีได้ด้วยการเลือกที่จะแต่งงานกับเหยื่อ นอกจากนี้ ยังยืนยันว่า เหยื่อเข้าแจ้งความคดีข่มขืนกระทำชำเราหรือการประทุษร้ายบุคคลในครอบครัวน้อยกว่าความเป็นจริง ส่วนหนึ่งเนื่องจากการขาดความเข้าใจของทางการ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการตามกฎหมายเกี่ยวกับความรุนแรงต่อสตรีอย่างมีประสิทธิผล
องค์กรพัฒนาเอกชนระบุว่า รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่แก้ปัญหาอย่างไม่เพียงพอ และเหยื่อมักมองว่า ตำรวจไม่สามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษได้
การใช้ความรุนแรงต่อสตรีในครอบครัวเป็นปัญหาสำคัญ กระทรวงสาธารณสุขบริหารจัดการศูนย์ช่วยเหลือเด็กและสตรีที่ถูกกระทำรุนแรง (One Stop Crisis Center – OSCC) ซึ่งให้ข้อมูลและบริการแก่เหยื่อที่ถูกทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศทั่วประเทศ กฎหมายยังกำหนดมาตรการอำนวยความสะดวกในการแจ้งความเหตุรุนแรงในครอบครัวและการรอมชอมระหว่างผู้เสียหายและผู้กระทำความผิด นอกจากนี้ กฎหมายยังห้ามสื่อรายงานคดีความรุนแรงในครอบครัวในช่วงที่คดีอยู่ในกระบวนการศาล องค์กรพัฒนาเอกชนแสดงข้อกังวลเกี่ยวกับกฎหมายว่า การเน้นการส่งเสริมครอบครัวมั่นคงจะสร้างแรงกดดันต่อเหยื่อให้ยอมรอมชอมโดยไม่มีการแก้ปัญหาสวัสดิภาพและเป็นเหตุให้อัตราการพิพากษาลงโทษต่ำ
ทางการได้ดำเนินคดีความรุนแรงในครอบครัวบางคดี ตามบทบัญญัติว่าด้วยการทำร้ายร่างกายหรือการใช้ความรุนแรงต่อผู้อื่นซึ่งผู้กระทำความผิดอาจได้รับโทษที่หนักขึ้น กลุ่มสิทธิสตรีรายงานว่า บ่อยครั้งที่ไม่มีการแจ้งความการใช้ความรุนแรงในครอบครัว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มักไม่กระตือรือร้นที่จะติดตามคดีประเภทนี้ รัฐบาลดำเนินงานศูนย์พักพิงสำหรับเหยื่อความรุนแรงในครอบครัวจังหวัดละหนึ่งแห่ง ศูนย์วิกฤติของรัฐที่จัดตั้งขึ้นในโรงพยาบาลรัฐทุกแห่งให้การดูแลรักษาสตรีและเด็กที่ถูกทำร้าย
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ยังคงพัฒนาระบบเครือข่ายชุมชนที่ช่วยป้องกันสตรีจากปัญหาความรุนแรงในครอบครัวต่อไปโดยดำเนินการทั่วทุกภาคของประเทศ โครงการดังกล่าวมุ่งเน้นอบรมตัวแทนจากแต่ละชุมชนเกี่ยวกับสิทธิสตรีและการป้องกันการถูกกระทำมิชอบเพื่อให้ชุมชนมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้มากขึ้น
การขริบอวัยวะเพศสตรี: ไม่มีกฎหมายเฉพาะเจาะจงที่ห้ามการขริบอวัยวะเพศสตรี องค์กรพัฒนาเอกชนรายงานว่า แม้ไม่มีข้อมูลทางสถิติเผยแพร่ แต่มีกรณีการขริบอวัยวะเพศสตรีในภาคใต้ที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ไม่มีรายงานว่ามีความพยายามป้องกันหรือแก้ไขการปฏิบัติดังกล่าวจากรัฐบาล
การคุกคามทางเพศ: การคุกคามทางเพศเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน กฎหมายกำหนดโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท (612 ดอลลาร์สหรัฐ) กับผู้ที่ถูกศาลตัดสินว่าคุกคามทางเพศต่อผู้อื่น การคุกคามทางเพศที่ถือว่าเป็นการกระทำอนาจารอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 15 ปีและโทษปรับสูงสุด 30,000 บาท (919 ดอลลาร์สหรัฐ) นอกจากนี้ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนห้ามการคุกคามทางเพศ และกำหนดบทลงโทษไว้ห้าระดับ คือ การภาคทัณฑ์ การตัดเงินเดือน การลดเงินเดือน การสั่งพักราชการและการไล่ออก องค์กรพัฒนาเอกชนอ้างว่า คำจำกัดความตามกฎหมายของคำว่า การคุกคามทางเพศมีความคลุมเครือและทำให้การดำเนินคดีประเภทนี้เป็นเรื่องลำบาก ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวไม่มีประสิทธิผล
การบังคับให้ควบคุมจำนวนประชากร: ไม่มีรายงานว่ามีการบังคับให้ทำแท้ง ทำหมัน หรือบังคับให้ควบคุมจำนวนประชากรโดยวิธีอื่นใด ดูประมาณการอัตราการตายของมารดาและความแพร่หลายของการคุมกำเนิดได้ที่ www.who.int/reproductivehealth/publications/monitoring/maternal-mortality-2015/en/
การเลือกปฏิบัติ: รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวระบุถึงการให้ความคุ้มครอง “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคทั้งหลายของชนชาวไทย” รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2560 ระบุว่า “ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมือง จะกระทำมิได้”
โดยทั่วไป ผู้หญิงมีสถานะและสิทธิเช่นเดียวกับผู้ชาย อย่างไรก็ตาม บางครั้ง ผู้หญิงก็ประสบกับการเลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการจ้างงาน ผู้ที่มีความผิดว่าด้วยการเลือกปฏิบัติต้องระวางโทษจำคุกสูงสุดหกเดือนหรือปรับสูงสุด 20,000 บาท (612 ดอลลาร์สหรัฐ) หรือทั้งจำทั้งปรับ กฎหมายห้ามเลือกปฏิบัติในการจ้างงานเนื่องจากเพศและอัตลักษณ์ทางเพศภายใต้นโยบาย กฎ ระเบียบ ประกาศ โครงการหรือขั้นตอนใดๆ ของหน่วยงานรัฐ หน่วยงานเอกชน และปัจเจกชน แต่ยังคงระบุข้อยกเว้นไว้สองประการซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มประชาสังคม อันได้แก่ หลักการทางศาสนาและความมั่นคงของชาติ
คู่สมรสชาวต่างชาติของผู้หญิงไทยไม่สามารถขอความเป็นพลเมืองตามสัญชาติของภรรยาได้ ซึ่งต่างจากคู่สมรสชาวต่างชาติของผู้ชายไทย
ในจำนวนกำลังพลทั้งสิ้น 230,000 คนทั่วประเทศ มีทหารหญิงประมาณ 20,700 คน นโยบายของกระทรวงกลาโหมจำกัดจำนวนบุคลากรหญิงในหน่วยงาน โดยส่วนใหญ่อยู่ที่ไม่เกินร้อยละ 25 ยกเว้นหน่วยงานด้านแพทย์พยาบาลเฉพาะทาง งบประมาณ และการเงิน ซึ่งอนุญาตให้มีเจ้าหน้าที่หญิงได้ร้อยละ 35 ของจำนวนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน สถาบันการศึกษาของทหาร (ยกเว้นวิทยาลัยพยาบาล) ไม่รับสตรีเข้าศึกษา แม้ว่าสถาบันทางทหารเหล่านี้จะมีอาจารย์ที่เป็นสตรีอยู่จำนวนมาก
เด็ก
การจดทะเบียนเกิด: เด็กได้รับสัญชาติไทยตั้งแต่แรกเกิดหากอย่างน้อยบิดาหรือมารดาถือสัญชาติไทย การเกิดในประเทศไม่ได้ทำให้ได้รับสัญชาติโดยอัตโนมัติ แต่อย่างไรก็ดี เด็กทุกคนที่เกิดในประเทศไทยมีสิทธิได้รับสูติบัตร ซึ่งสูติบัตรจะทำให้เด็กได้รับสิทธิประโยชน์บางประการจากทางการที่ให้แก่เด็กทุกคนโดยไม่สำคัญว่าถือสัญชาติใด (ดู หมวด 2.ง.) องค์กรพัฒนาเอกชนรายงานว่า บางครั้งชาวเขาและบุคคลไร้สัญชาติอื่น ๆ ไม่ได้รับสูติบัตรจากทางการ โดยเฉพาะผู้ที่เกิดในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากขั้นตอนยุ่งยากซับซ้อน ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีคุณธรรมและมีข้อมูลไม่ถูกต้อง อุปสรรคด้านภาษา และการถูกจำกัดการเดินทาง ด้วยเหตุนี้การขอสูติบัตรจึงเป็นเรื่องลำบาก
การศึกษา: รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2560 กำหนดให้เด็กทุกคนได้รับ “การศึกษาเป็นเวลาสิบสองปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย” ซึ่งหมายถึงจนสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม องค์กรพัฒนาเอกชนระบุว่า บุตรของแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนแล้ว แรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ผู้ลี้ภัย และผู้แสวงหาที่พักพิง ก็เข้าถึงการศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลได้อย่างจำกัด
การกระทำทารุณเด็ก: กฎหมายมีบทบัญญัติคุ้มครองเด็กจากการถูกกระทำทารุณ และกฎหมายว่าด้วยการข่มขืนกระทำชำเราและการทอดทิ้งกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงขึ้นในกรณีที่ผู้เสียหายเป็นเด็ก มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองพยาน ผู้เสียหายและผู้กระทำความผิดที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีในคดีการกระทำมิชอบและคดีละเมิดทางเพศต่อเด็ก กลุ่มผลักดันประเด็นสาธารณะรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงไม่เต็มใจสืบสวนสอบสวนคดีการกระทำมิชอบเหล่านี้นัก และระเบียบว่าด้วยวัตถุพยานก็ทำให้การดำเนินคดีกระทำมิชอบต่อเด็กยากขึ้น
การบังคับแต่งงานและการแต่งงานก่อนวัยอันควร: กฎหมายกำหนดให้ทั้งหญิงและชายที่จะแต่งงานต้องมีอายุอย่างน้อย 17 ปี อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปีต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองก่อนจึงจะสมรสได้ ศาลอาจอนุญาตให้ผู้ที่มีอายุ 15-16 ปีแต่งงานได้
การแสวงประโยชน์ทางเพศกับเด็ก: กฎหมายกำหนดบทลงโทษรุนแรงต่อผู้ที่จัดหา ล่อลวง บังคับ หรือข่มขู่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีให้ค้าประเวณี และกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงขึ้นต่อลูกค้าที่จ่ายเงินเพื่อมีเพศสัมพันธ์กับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ทางการยังอาจลงโทษบิดามารดาที่ยอมให้บุตรเข้าสู่ธุรกิจการค้าประเวณี ตลอดจนเพิกถอนสิทธิในฐานะบิดามารดาได้ กฎหมายห้ามการผลิต การจำหน่าย การนำเข้า หรือการส่งออกสื่อลามกอนาจารเด็ก กฎหมายยังกำหนดบทลงโทษรุนแรงสำหรับบุคคลที่แสวงประโยชน์ทางเพศกับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งรวมถึงการจัดหาโสเภณี การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมทางเพศต่อเด็กในรูปแบบอื่นๆ
การค้าประเวณีเด็กยังคงเป็นปัญหาอยู่ และประเทศไทยก็ยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อมีเพศสัมพันธ์กับเด็กอยู่ แม้ว่ารัฐบาลจะริ่เริ่มโครงการใหม่ ๆ มาเพื่อต่อสู้กับปัญหานี้ก็ตาม เด็กต่างด้าวและเด็กที่เป็นชนกลุ่มน้อย ตลอดจนเด็กในครอบครัวยากจนยังคงเสี่ยงต่อการถูกบังคับค้าประเวณีมากเป็นพิเศษ และมีกรณีที่ตำรวจจับกุมบิดามารดาที่บังคับให้บุตรของตนค้าประเวณี นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติยังคงก่ออาชญากรรมล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก ซึ่งรวมถึงการแสวงหาประโยชน์ทางเพศเชิงพาณิชย์จากเด็กด้วย
รัฐบาลได้พยายามมาตลอดปีที่จะต่อสู้กับการแสวงประโยชน์ทางเพศกับเด็ก ซึ่งก็รวมถึงการเปิดศูนย์ช่วยเหลือเด็กใหม่จำนวนสองแห่งที่เมืองพัทยาและจังหวัดภูเก็ต ที่มีการสัมภาษณ์เหยื่อและพยานที่เป็นเด็กอย่างเหมาะสมกับพัฒนาการ นอกจากนี้ ทางศูนย์ยังมีการสัมภาษณ์เชิงนิติวิทยาศาสตร์ และการให้ความช่วยเหลือในระยะแรกเริ่มแก่เด็กที่ถูกทารุณ ค้ามนุษย์ และแสวงหาประโยชน์ คณะทำงานปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต ที่ปฏิบัติงานร่วมกับหลายหน่วยงาน ก็เร่งรัดการปฏิบัติงาน และยังใช้ข้อบังคับและวิธีสืบสวนใหม่ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการติดตามผู้ที่แสวงหาประโยชน์จากเด็กทางอินเทอร์เน็ต อีกด้วย
เด็กพลัดถิ่น: โดยทั่วไป ทางการจะส่งเด็กที่อาศัยอยู่ตามข้างถนนไปที่สถานพักพิงที่รัฐบาลจัดให้ในแต่ละจังหวัด แต่คนต่างด้าวที่ไม่มีเอกการประจำตัวมักเลี่ยงที่จะเข้าไปอยู่ในสถานพักพิงเหล่านั้นเพราะเกรงว่าจะถูกเนรเทศออกนอกประเทศ โดยทั่วไปแล้ว รัฐบาลจะส่งเด็กข้างถนนที่เป็นคนไทยเข้าเรียนที่โรงเรียน ศูนย์ฝึกอาชีพ หรือส่งกลับครอบครัวภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ รัฐบาลส่งตัวเด็กข้างถนนบางคนที่มาจากประเทศอื่นกลับประเทศตนเอง
เด็กในสถานสงเคราะห์: มีการรายงานอย่างจำกัดเกี่ยวกับการกระทำมิชอบในสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าหรือสถานสงเคราะห์อื่น ๆ
การลักพาเด็กระหว่างประเทศ: ประเทศไทยเป็นภาคีอนุสัญญากรุงเฮกว่าด้วยการดำเนินการทางแพ่งต่อการลักพาเด็กระหว่างประเทศ พ.ศ. 2523 ผู้สนใจสามารถอ่าน รายงานประจำปีเรื่องการลักพาตัวลูกข้ามชาติโดยพ่อหรือแม่ ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้ที่ travel.state.gov/content/childabduction/en/legal/compliance.html.
การต่อต้านยิว
ชาวยิวในไทยมีจำนวนน้อยมาก และไม่มีรายงานเกี่ยวกับการต่อต้านชาวยิว อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งภาพบุคคลและสัญลักษณ์นาซีถูกนำมาแสดงบนสินค้าและใช้ในโฆษณา
การค้ามนุษย์
เชิญอ่านข้อมูล รายงานว่าด้วยการค้ามนุษย์ ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ www.state.gov/j/tip/rls/tiprpt/
คนทุพพลภาพ
รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติที่มีพื้นฐานมาจากความพิการ และสภาวะทางร่างกายหรือสุขภาพ
รัฐบาลปรับแต่งสิ่งอำนวยความสะดวกและอาคารสาธารณะหลายแห่งเพื่อให้เอื้อต่อคนทุพพลภาพ แต่การบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลยังไม่มีประสิทธิผลโดยสม่ำเสมอกัน กฎหมายกำหนดให้คนทุพพลภาพต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การสื่อสารคมนาคมและอาคารที่สร้างใหม่ แต่บทบัญญัติเหล่านี้ไม่ได้มีการบังคับใช้อย่างเป็นเอกภาพ กฎหมายกำหนดให้คนทุพพลภาพที่ขึ้นทะเบียนไว้กับทางราชการมีสิทธิได้รับบริการตรวจโรค รถเข็น และไม้ยันรักแร้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
โครงการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการโดยชุมชนของรัฐบาลและโครงการศูนย์การเรียนรู้คนพิการในชุมชนยังคงดำเนินงานอยู่ในทุกจังหวัด นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้เงินกู้ปลอดดอกเบี้ยเป็นเวลาห้าปีแก่บุคคลทุพพลภาพที่ดำเนินธุรกิจขนาดย่อม
รัฐบาลมีโรงเรียนพิเศษและศูนย์การศึกษาสำหรับนักเรียนและคนทุพพลภาพหลายแห่ง กฎหมายกำหนดให้โรงเรียนของรัฐทั่วประเทศต้องรับนักเรียนพิการเข้าศึกษา และในช่วงปีที่ผ่านมา โรงเรียนส่วนใหญ่ก็จัดการเรียนการสอนให้แก่นักเรียนพิการ รัฐบาลยังมีสถานสงเคราะห์ และศูนย์ฟื้นสมรรถภาพสำหรับผู้พิการโดยเฉพาะ รวมถึงศูนย์ดูแลเด็กออทิสติก
ประมวลรัษฎากรยังกำหนดให้คนทุพพลภาพหักลดหย่อนภาษีเงินได้ได้เป็นพิเศษเพื่อส่งเสริมให้มีอาชีพ นายจ้างบางรายเลือกปฏิบัติด้านค่าจ้างต่อแรงงานคนพิการ
ชนกลุ่มน้อยทางสัญชาติ/เชื้อชาติ/ชาติพันธุ์
คนสองกลุ่มคือ อดีตทหารในสงครามกลางเมืองของจีนและลูกหลานที่อาศัยอยู่ในไทยมาหลายทศวรรษ และลูกของชาวเวียดนามอพยพที่อาศัยอยู่ใน 13 จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงดำรงชีวิตอยู่ภายใต้กฎหมายและกฎข้อบังคับที่จำกัดการเดินทาง ที่พักอาศัย การศึกษาและการเข้าถึงอาชีพ กฎหมายจำกัดให้ชาวจีนกลุ่มนี้พักอาศัยอยู่ในจังหวัดภาคเหนือสามจังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน
ชาวพื้นเมือง
ชาวเขาที่ไม่มีสัญชาติไทยยังคงถูกจำกัดการเดินทาง ไม่สามารถมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ประสบความยากลำบากในการกู้ยืมเงินจากธนาคาร และเผชิญกับการเลือกปฏิบัติในการจ้างงาน ถึงแม้ว่ากฎหมายแรงงานจะให้สิทธิแก่ชาวพื้นเมืองเหล่านี้ให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมในฐานะลูกจ้าง แต่นายจ้างยังคงละเมิดสิทธินั้นบ่อยครั้งโดยจ่ายค่าแรงให้พวกเขาน้อยกว่าเพื่อนร่วมงานชาวไทยและน้อยกว่าอัตราค่าแรงขั้นต่ำ กฎหมายจำกัดอาชีพสำหรับบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย อีกทั้งกีดกันบุคคลเหล่านี้จากสวัสดิการของรัฐ เช่น โครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า
กฎหมายให้สิทธิการขอสัญชาติแก่ชาวเขาบางกลุ่มที่ก่อนหน้านี้ไม่มีสิทธิ (ดู หมวด 2.ง) รัฐบาลสนับสนุนความพยายามในการอนุมัติสัญชาติและให้ความรู้ชาวเขาเกี่ยวกับสิทธิที่มีอยู่
การกระทำรุนแรง การเลือกปฏิบัติ และการถูกกระทำมิชอบอื่น ๆ เนื่องจากวิถีทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศภาวะ
ไม่มีกฎหมายใดระบุว่า วิถีทางเพศหรือการมีเพศสัมพันธ์โดยสมัครใจระหว่างบุคคลเพศเดียวกันที่บรรลุนิติภาวะแล้วเป็นความผิดทางอาญา
กลุ่ม LGBTI รายงานว่า เมื่อพวกตนตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม ตำรวจจะปฏิบัติต่อพวกตนเช่นที่ปฏิบัติต่อคนทั่วไป ยกเว้นในกรณีอาชญากรรมทางเพศ ซึ่งตำรวจมักมีแนวโน้มที่จะไม่ให้ความสำคัญกับการละเมิดทางเพศมากนัก หรือไม่เห็นการคุกคามทางเพศเป็นเรื่องจริงจัง
กฎหมายไม่อนุญาตให้บุคคลข้ามเพศเปลี่ยนการระบุเพศของตนในเอกสารแสดงตน ซึ่งเมื่อรวมกับการเลือกปฏิบัติของสังคมกลุ่มใหญ่แล้ว ทำให้โอกาสสมัครงานของบุคคลข้ามเพศถูกจำกัด กฎหมายห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติ “เพราะเหตุที่บุคคลนั้นเป็นเพศชายหรือเพศหญิง หรือมีการแสดงออกที่แตกต่างจากเพศโดยกำเนิด” ยังมีการเลือกปฏิบัติในทางธุรกิจเนื่องจากวิถีทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศภาวะอยู่บ้าง
การตีตราทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับเอชไอวีและเอดส์
บุคคลที่ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยโรคเอดส์ต้องเผชิญกับการตีตราทางสังคมอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าจะมีความพยายามจากรัฐบาลและองค์กรพัฒนาเอกชนในการให้ความรู้อย่างแพร่หลายในเรื่องนี้ มีรายงานว่า นายจ้างบางรายปฏิเสธที่จะจ้างงานผู้ที่ถูกตรวจพบว่ามีเชื้อเอชไอวี
หมวดที่ 7 สิทธิของคนงาน
ก. สิทธิในการตั้งสมาคมและสิทธิในการร่วมเจรจาต่อรองแบบรวมกลุ่ม
รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวไม่มีบทบัญญัติใดที่ให้สิทธิในการตั้งสมาคมและสิทธิในการเจรจาต่อรองแบบรวมกลุ่ม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดให้บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการรวมกันเป็นสมาคม สหกรณ์ สหภาพ องค์การ ชุมชน หรือหมู่คณะอื่น พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์และพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ยังคงมีผลบังคับใช้ตามเดิม โดยพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์อนุญาตให้พนักงานในภาคเอกชนจัดตั้งและเข้าร่วมสหภาพแรงงานที่ตนเลือกโดยไม่ต้องขออนุญาตก่อน ให้ร่วมเจรจาต่อรองแบบรวมกลุ่มได้ และนัดหยุดงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายภายใต้ขอบเขตของข้อจำกัดที่กำหนดได้
คำนิยามทางกฎหมายที่ระบุว่าใครสามารถเข้าร่วมสหภาพได้ และข้อกำหนดที่ให้สหภาพต้องมีสมาชิกอย่างน้อยหนึ่งในห้าของจำนวนพนักงานทั้งหมดเป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการร่วมเจรจาต่อรองแบบกลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดว่าลูกจ้างต้องอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันจึงจะสามารถก่อตั้งเป็นสหภาพได้ เช่น คนงานตามสัญญาจ้างที่อยู่ในประเภท “อุตสาหกรรมบริการ” ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานเดียวกันกับคนงานประจำที่อยู่ในประเภท “อุตสาหกรรมการผลิต” ได้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำงานในโรงงานเดียวกันก็ตาม ข้อจำกัดดังกล่าวมักจะลดความสามารถเจรจาต่อรองในฐานะกลุ่มใหญ่กว่าเดิม นักกฎหมายด้านแรงงานกล่าวอ้างว่ามีบริษัทที่แสวงประโยชน์จากเงื่อนไขที่กำหนดสัดส่วนดังกล่าวโดยการจ้างลูกจ้างชั่วคราวจำนวนมาก เพื่อหลีกเลี่ยงการรวมตัวกันจัดตั้งสหภาพแรงงานของลูกจ้าง นอกจากนี้ กฎหมายยังจำกัดการเข้าอยู่ในเครือเดียวกันระหว่างสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจกับสหภาพแรงงานภาคเอกชนเนื่องจากสหภาพสองประเภทดังกล่าวอยู่ภายใต้อำนาจของกฎหมายคนละฉบับ
กฎหมายยังอนุญาตให้พนักงานในบริษัทเอกชนที่มีพนักงานมากกว่า 50 คนขึ้นไปจัดตั้ง ”คณะกรรมการลูกจ้าง” เพื่อเป็นตัวแทนของลูกจ้างโดยรวมในการยื่นเรื่องเรียกร้องหรือต่อรองกับนายจ้าง ตลอดจน “คณะกรรมการสวัสดิการ” เพื่อเป็นตัวแทนของลูกจ้างในการยื่นเรื่องเรียกร้องต่อนายจ้างเกี่ยวกับปัญหาด้านสวัสดิการ ลูกจ้างและคณะกรรมการสวัสดิการอาจให้ข้อเสนอแนะแก่นายจ้าง แต่กฎหมายห้ามมิให้ลูกจ้างและคณะกรรมการสวัสดิการยื่นข้อเรียกร้องด้านแรงงานหรือนัดหยุดงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย กฎหมายห้ามนายจ้างมิให้กระทำการที่ส่งผลเสียต่อการจ้างงานของพนักงานอันเนื่องมาจากการที่พนักงานเข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะกรรมการดังกล่าว และห้ามนายจ้างขัดขวางการทำงานของคณะกรรมการ ด้วยเหตุนี้ หัวหน้าสหภาพแรงงานจึงมักจะเข้าเป็นสมาชิกคณะกรรมการลูกจ้างหรือคณะกรรมการสวัสดิการด้วย
พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์อนุญาตให้รัฐวิสาหกิจมีสหภาพแรงงานได้จำนวนสูงสุดหนึ่งแห่ง รัฐวิสาหกิจในประเทศไทยหมายถึงธนาคาร รถไฟ สายการบิน สนามบิน ท่าเรือ และบริการไปรษณีย์ของรัฐ ตามกฎหมายแล้ว ข้าราชการพลเรือน รวมทั้งครูประจำโรงเรียนรัฐและเอกชน อาจารย์มหาวิทยาลัย ทหารและตำรวจไม่มีสิทธิ์จัดตั้งหรือจดทะเบียนสหภาพแรงงาน อย่างไรก็ดี ข้าราชการพลเรือน (รวมถึงครู ตำรวจ และนางพยาบาล) ตลอดจนผู้ที่มีอาชีพอิสระ(เช่น ชาวนาและชาวประมง) อาจจัดตั้งและจดทะเบียนสมาคมได้ เพื่อเป็นตัวแทนรักษาผลประโยชน์ของสมาชิก หากสมาชิกภาพของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจใดมีจำนวนลดลงต่ำกว่าร้อยละ 25 ของจำนวนลูกจ้างทั้งหมด สหภาพแรงงานนั้นจะต้องถูกยุบตามข้อบังคับด้านแรงงาน
กฎหมายห้ามมิให้มีการนัดหยุดงานหรือปิดกิจการในหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลมีอำนาจในการจำกัดการชุมนุมประท้วงของภาคเอกชนในกรณีที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดผลกระทบทางลบอย่างร้ายแรงต่อประชาชนโดยรวม อย่างไรก็ตามรัฐบาลไม่ได้ใช้อำนาจดังกล่าวเลยในช่วงปีที่ผ่านมา
แรงงานต่างด้าวไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ขึ้นทะเบียนแล้วหรือผู้ที่ไม่มีเอกสารอย่างถูกกฎหมาย ไม่มีสิทธิจัดตั้งสหภาพแรงงานหรือดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ในสหภาพแรงงาน แรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนแล้วอาจเข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานที่จัดตั้งขึ้นและบริหารโดยคนไทย อย่างไรก็ตาม การเข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานของสมาชิกที่เป็นแรงงานต่างด้าวยังคงจำกัดอยู่ในวงแคบเนื่องจากอุปสรรคทางด้านภาษา การขาดความเข้าใจสิทธิของตนภายใต้กฎหมาย การเปลี่ยนงานบ่อยครั้ง ค่าสมาชิก กฎระเบียบของสหภาพแรงงานที่เข้มงวด และการแบ่งแยกแรงงานไทยจากแรงงานต่างด้าวด้วยภาคอุตสาหกรรมและเขตพื้นที่ (โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ชายฝั่งทะเล) ในทางปฏิบัติ แรงงานต่างด้าวหลายคนก่อตั้งสมาคม องค์กรชุมชน หรือกลุ่มศาสนาโดยไม่ได้จดทะเบียน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสมาชิก
กฎหมายไม่ได้คุ้มครองสมาชิกสหภาพแรงงานจากการกระทำของนายจ้างที่เป็นการต่อต้านสหภาพแรงงานจนกว่าสหภาพแรงงานนั้นจะได้รับการจดทะเบียน ในการจดทะเบียนสหภาพแรงงานจะต้องมีลูกจ้างอย่างน้อย 10 คนร่วมกันยื่นรายชื่อของตนต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ซึ่งจะดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของรายชื่อและสถานภาพการจ้างงานกับนายจ้าง กระบวนการดังกล่าวอาจทำให้ลูกจ้างเหล่านี้เสี่ยงต่อการถูกตอบโต้จากนายจ้างก่อนที่กระบวนการจดทะเบียนจะแล้วเสร็จ นอกจากนี้ กฎหมายกำหนดว่า เจ้าหน้าที่สหภาพแรงงานต้องเป็นลูกจ้างเต็มเวลาของบริษัทหรือรัฐวิสาหกิจ และห้ามมีเจ้าหน้าที่ที่ทำงานประจำกับสหภาพแรงงาน
กฎหมายให้ความคุ้มครองลูกจ้างและสมาชิกสหภาพจากการดำเนินคดีอาญาหรือทางแพ่งอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการเจรจาต่อรองกับนายจ้าง ริเริ่มการนัดหยุดงาน จัดชุมนุมประท้วง และอธิบายข้อขัดแย้งด้านแรงงานต่อสาธารณชน แต่กฎหมายไม่ให้ความคุ้มครองลูกจ้างและสมาชิกสหภาพในความผิดทางอาญาว่าด้วยการก่ออันตรายต่อสาธารณชน หรือเป็นเหตุให้เกิดการสูญเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ความเสียหายต่อทรัพย์สิน และความเสียหายต่อชื่อเสียง กฎหมายไม่ได้ห้ามการฟ้องร้องคดีที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเซ็นเซอร์ คุกคาม และปิดปากกระบอกเสียงของลูกจ้างโดยใช้การสู้คดีความทางกฎหมายที่มีค่าใช้จ่ายสูงเป็นเครื่องมือ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิแรงงานรายงานว่าบริษัทเอกชนบางแห่งฟ้องร้องผู้นำสหภาพในฐานหมิ่นประมาททั้งทางแพ่งและทางอาญาจากข้อความที่โพสต์ออนไลน์หรือทางสื่อที่ใช้ขณะเจรจาต่อรองแบบเป็นกลุ่ม เพื่อข่มขู่ผู้นำสหภาพ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า การใช้การฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาททางอาญาและการดำเนินการอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมืออำพรางการตอบโต้ เป็นการขัดขวางการใช้เสรีภาพในการแสดงออกและการรวมกลุ่ม
กฎหมายห้ามมิให้มีการเลิกจ้างผู้ที่ชุมนุมประท้วงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่อนุญาตให้นายจ้างมีสิทธิที่จะจ้างคนหรือพนักงานรับเหมาค่าแรงมาทำงานแทนผู้ประท้วงได้ ข้อกฎหมายกำหนดไว้ว่า ต้องมีการเรียกประชุมใหญ่สมาชิกสหภาพแรงงานเพื่อขอความเห็นชอบจากที่ประชุมเรื่องที่จะนัดหยุดงาน โดยต้องได้รับความเห็นชอบไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของสมาชิกทั้งหมด ข้อกฎหมายดังกล่าวจำกัดการประท้วงนัดหยุดงานในภาคเอกชน กฎหมายกำหนดบทลงโทษ ให้จำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ ต่อผู้ที่ทำการประท้วงหยุดงานในองค์กรรัฐวิสาหกิจ เมื่อเดือนกรกฎาคม ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้แกนนำสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เจ็ดคนมีความผิด ฐานประท้วงโดยขัดกับระเบียบว่าด้วยการประท้วง และให้จ่ายค่าปรับเป็นจำนวนรวม 21 ล้านบาท (643,000 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยสหภาพได้ประท้วงที่รฟท. ไม่ยอมจ่ายเงินค่าบำรุงรักษาและค่าอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย และไม่ได้จัดเวลาพักที่เพียงพอให้แก่พนักงานรถไฟ ซึ่งอาจจะมีส่วนทำให้รถไฟตกรางและมีผู้เสียชีวิตจำนวน 7 คนเมื่อ พ.ศ. 2552
การบังคับใช้กฎหมายแรงงานมีความไม่สม่ำเสมอ และในบางกรณี ก็ไม่มีประสิทธิผลในการให้ความคุ้มครองแก่ลูกจ้างที่เข้าร่วมกิจกรรมของสหภาพแรงงาน นายจ้างอาจเลิกจ้างลูกจ้างด้วยเหตุผลใดก็ได้ยกเว้นการเข้าร่วมกิจกรรมของสหภาพ โดยมีเงื่อนไขว่านายจ้างจะต้องจ่ายเงินชดเชย มีรายงานกรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้างก่อนและหลังจดทะเบียนสหภาพ ในบางกรณี ศาลแรงงานสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างเข้าทำงานตามเดิม แต่ในบางกรณี ผู้พิพากษากลับตัดสินให้นายจ้างจ่ายค่าเสียหายแทนการรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานในกรณีที่นายจ้างหรือลูกจ้างอ้างว่า ตนไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างปกติสุข อย่างไรก็ตาม ทางการก็สั่งปรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายแรงงาน โดยกำหนดโทษจำคุก ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ น้อยครั้ง องค์การระหว่างประเทศรายงานว่า ผู้บริหารในกสร. ส่งเสริมแรงงานสัมพันธ์อันดีและการบังคับใช้ในช่วงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้านแรงงานทั่วทั้งประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ มีการเน้นการตรวจสอบด้านแรงงานในสถานที่ทำงานที่มีความเสี่ยงสูงและยังมีการใช้ข่าวกรองจากประชาสังคมที่ให้ความร่วมมือมากขึ้นเรื่อย ๆ หัวหน้าสหภาพเสนอแนะว่า ผู้ตรวจสอบแรงงานควรตรวจสอบสถานที่ทำงานเชิงรุกมากกว่าที่จะเพียงแค่ตรวจสอบเอกสารแบบพอเป็นพิธี นักคุ้มครองสิทธิมนุษยชนรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้านแรงงานในระดับจังหวัดพยายามไกล่เกลี่ยคดีต่าง ๆ อยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้จะมีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิแรงงานที่ต้องได้รับโทษตามกฎหมายก็ตาม
มีรายงานว่า นายจ้างใช้กลวิธีหลากหลายรูปแบบเพื่อทำให้การรวมตัวกันของสหภาพแรงงานและความพยายามในการเจรจาต่อรองแบบกลุ่มของลูกจ้างอ่อนแอลง ซึ่งรวมถึงการให้พนักงานรับเหมาค่าแรงปฏิบัติงานแทนพนักงานที่นัดหยุดงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ โดยพนักงานที่นัดหยุดงานก็ยังได้รับค่าจ้างเหมือนเดิม ข่มขู่ผู้นำสหภาพและพนักงานที่ร่วมนัดหยุดงาน กดดันให้แกนนำสหภาพและพนักงานที่นัดหยุดงานต้องลาออก ปลดหัวหน้าสหภาพโดยอ้างเหตุผลทางธุรกิจ ห้ามพนักงานชุมนุมประท้วงภายในสถานที่ทำงาน และยุยงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงเพื่อขอหมายศาลสั่งห้ามการประท้วง ในบางกรณี นายจ้างก็ยื่นฟ้องต่อหัวหน้าสหภาพและพนักงานที่นัดหยุดงาน ในความผิดฐานบุกรุกสถานที่ หมิ่นประมาท และทำลายทรัพย์สินด้วย นายจ้างบางรายยังย้ายแกนนำสหภาพและพนักงานที่นัดหยุดงานไปยังตำแหน่งที่ไม่น่าพึงใจกว่าหรือตำแหน่งบริหาร(ที่ไม่มีอำนาจการบริหารจริง)เพื่อขัดขวางไม่ให้พวกเขานำกิจกรรมของสหภาพได้ มีรายงานว่า นายจ้างบางรายสนับสนุนให้มีการก่อตั้งสหภาพมาแข่งขันกับสหภาพเดิมที่ปฏิเสธไม่ยอมรับข้อตกลงที่นายจ้างเสนอ
ข. การห้ามการบังคับใช้แรงงาน
กฎหมายห้ามการบังคับใช้แรงงานทุกรูปแบบ ยกเว้นในกรณีที่ประเทศตกอยู่ในภาวะฉุกเฉิน เกิดสงคราม มีการประกาศกฎอัยการศึก หรือเพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติสาธารณะที่กำลังจะเกิดขึ้น
รัฐบาลได้ปรับปรุงกฎหมายหลายฉบับ เพื่อทำให้ข้อบังคับที่ต่อต้านการค้ามนุษย์ รวมถึงการบังคับใช้แรงงาน มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เมื่อเดือนมกราคม การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายต่อต้านการค้ามนุษย์ครั้งที่ 3 ได้ขยายคำนิยามของคำว่า “แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ” ให้หมายความรวมถึงการยึดเอกสารสําคัญประจําตัวของบุคคลนั้นไว้ และการนําภาระหนี้ของบุคคลนั้นหรือของผู้อื่นมาเป็นสิ่งผูกมัดโดยมิชอบด้วย กฎหมายฉบับที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมมีบทลงโทษจำคุกและโทษปรับรุนแรงมากยิ่งขึ้นสำหรับการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดและการค้ามนุษย์ในรูปแบบอื่น ๆ โทษปรับนั้นเข้มงวดพอที่จะยับยั้งมิให้เกิดการฝ่าฝืนกฎหมาย และยังเท่ากับโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดอุกฉกรรจ์อื่น ๆ เช่น ความผิดฐานกระทำชำเรา
เมื่อ พ.ศ. 2559 แรงงานต่างด้าวจำนวน 14 คนได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยอ้างว่าถูกบังคับใช้แรงงาน ถูกยึดเอกสาร ต้องทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมการทำงานและความเป็นอยู่ที่กดขี่ ทำงานล่วงเวลามากเกินความจำเป็น ถูกตัดเงินเดือนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และยังถูกจำกัดเสรีภาพในการเดินทาง เมื่อเดือนกันยายน ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลแรงงาน ให้บริษัท ธรรมเกษตร จำกัด ซึ่งเป็นนายจ้างจ่ายค่าล่วงเวลาที่ค้างชำระให้แก่ลูกจ้างเป็นจำนวน 1.7 ล้านบาท (52,000 ดอลลาร์สหรัฐ) แต่ทว่า ในเดือนตุลาคม แรงงานจำนวน 14 คนก็ถูกฟ้องร้อง และถูกจับกุมในข้อหาหมิ่นประมาท มีโทษจำคุกสูงสุด 18 เดือน และปรับสูงสุด 30,000 บาท (919 ดอลลาร์สหรัฐ) หรือทั้งจำทั้งปรับ ในภายหลัง พวกเขาก็ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว และก็ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาอีกด้วย
กรุณาอ่าน รายงานว่าด้วยการค้ามนุษย์ ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกอบด้วยที่ www.state.gov/j/tip/rls/tiprpt/.
ค. การห้ามใช้แรงงานเด็กและเกณฑ์อายุต่ำสุดของการจ้างงาน
กฎหมายกำหนดหลักการการจ้างงานเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และห้ามการจ้างงานเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี กฎหมายห้ามการว่าจ้างเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีให้ทำงานใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำเครื่องใช้โลหะ สารเคมีอันตราย วัสดุมีพิษ กัมมันตรังสี และอุณหภูมิหรือระดับเสียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย การสัมผัสกับจุลินทรีย์ที่เป็นพิษ การใช้อุปกรณ์ที่มีน้ำหนักมาก ตลอดจนการทำงานใต้ดินหรือใต้น้ำ รวมทั้งห้ามมิให้ทำงานในสถานที่ที่อันตราย เช่น โรงฆ่าสัตว์ บ่อนการพนัน สถานที่ที่มีการจำหน่ายแอลกอฮอล์ สถานอาบอบนวด สถานบันเทิง เรือประมงทะเล และสถานประกอบการแปรรูปอาหารทะเล กฎหมายให้ความคุ้มครองอย่างจำกัดแก่แรงงานเด็กในภาคเศรษฐกิจที่ไม่เป็นทางการบางภาคส่วน เช่น ภาคการเกษตร แรงงานทำงานบ้าน และธุรกิจที่บ้าน เด็กที่มีอาชีพอิสระและเด็กที่ทำงานโดยไม่ได้มีความสัมพันธ์ในการจ้างงานไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานแห่งชาติ แต่ได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กและพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ 3) ที่ประกาศใช้เมื่อเดือนมกราคม
ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายอาจจะต้องรับโทษจำคุกหรือปรับ บุพการีที่ศาลตัดสินว่าให้ผู้สืบสันดานทํางานหรือให้บริการเพราะ “เหตุความยากจนเหลือทนทาน” มิต้องรับโทษตามกฎหมาย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ รัฐบาลได้แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ในประเด็นด้านแรงงานเด็ก เพื่อให้มีบทลงโทษที่เข้มข้นขึ้นแก่ผู้ที่ใช้แรงงานเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 หรือใช้แรงงานเด็กที่อายุระหว่าง 15-18 ปี ในสภาพการทำงานที่เป็นอันตราย
รัฐบาลและบริษัทเอกชน โดยเฉพาะบริษัทผู้ผลิตขนาดกลางและขนาดใหญ่ ต่อต้านการใช้แรงงานเด็กอย่างต่อเนื่อง ผ่านการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ให้แก่สาธารณชนและการตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก เพื่อดูอายุ และคัดกรองผู้สมัครงานที่อายุต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบด้านการบังคับใช้กฎหมายและนโยบายว่าด้วยเรื่องแรงงานเด็ก ในปี พ.ศ.2559 มีการตรวจสอบเกือบครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 47) ในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงในการใช้แรงงานเด็กสูง เช่น อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารทะเล เครื่องนุ่มห่ม การผลิต เกษตรกรรม การก่อสร้าง สถานีบริการน้ำมัน ร้านอาหาร และบาร์ และตรวจพบการละเมิดกฎหมาย เช่น การจ้างแรงงานเด็กที่อายุต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด การทำงานที่อันตราย จำนวนชั่วโมงทำงานไม่เป็นไปตามกฎหมาย และไม่แจ้งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเมื่อมีการจ้างงานเด็ก กฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่ระวางโทษปรับสูงสำหรับการใช้แรงงานเด็ก เข้มงวดพอที่จะยับยั้งมิให้เกิดการฝ่าฝืนกฎหมาย อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า นายจ้างบางคนใช้บันทึกความหนาแน่นของมวลกระดูกที่ไม่ถูกต้อง ในการระบุอายุของแรงงานเด็ก
ผู้สังเกตการณ์ตั้งข้อสังเกตว่ามีปัจจัยหลายประการที่ทำให้การบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยแรงงานเด็กมีประสิทธิผลจำกัด ได้แก่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบของกระทรวงแรงงานมีจำนวนไม่เพียงพอ ล่ามสำหรับการตรวจสอบแรงงานมีจำนวนไม่เพียงพอ วิธีการตรวจสอบที่ไม่มีประสิทธิผลในการจัดการกับภาคเศรษฐกิจที่ไม่เป็นทางการหรือสถานที่ประกอบการที่เข้าถึงได้ยาก (เช่น บ้านพักส่วนบุคคล สถานประกอบธุรกิจครอบครัวขนาดเล็ก ไร่นา และเรือประมง) และแรงงานต่างด้าวที่เป็นผู้เยาว์จากประเทศเพื่อนบ้านไม่มีเอกสารระบุตัวตนที่ราชการออกให้หรือสูตรบัตร นอกจากนี้ การขาดความตระหนักรู้เกี่ยวกับกฎหมายและมาตรฐานแรงงานเด็กก็เป็นปัจจัยที่สำคัญ
มีการใช้แรงงานเยาวชนจากประเทศไทย พม่า กัมพูชา ลาว และชุมชนชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ในภาคเศรษฐกิจที่ไม่เป็นทางการในประเทศ เช่น กสิกรรม การประมง ร้านอาหาร การค้าข้างทาง บริการยานยนต์ การแปรรูปอาหาร การผลิต การก่อสร้าง งานรับใช้ตามบ้าน และการขอทาน เยาวชนบางคนถูกใช้แรงงานในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งก็รวมถึง การแสวงหาประโยชน์ทางเพศเชิงพาณิชย์จากเด็ก การผลิตสื่อลามกอนาจารเด็ก ตลอดจนการผลิตและการค้ายาเสพติด (ดูหมวดที่ 6 เยาวชน) ปัจจัยที่มีส่วนก่อให้เกิดการใช้แรงงานเด็กได้แก่ ความยากจน ความจำเป็นในการเลี้ยงดูครอบครัว อุปสรรคเรื่องระยะทางจากที่พักไปโรงเรียน อาชีพของผู้ปกครอง และความสำคัญของการศึกษาที่ผู้ปกครองกำหนด
ยังคงมีรายงานอย่างจำกัดมาอย่างต่อเนื่องว่า ผู้ก่อความไม่สงบแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกณฑ์เด็กมาร่วมก่อการด้วยการให้ลอบวางเพลิงหรือทำหน้าที่เป็นหน่วยสอดแนมหรือหาข่าว
กรุณาอ่าน รายงานผลการสำรวจรูปแบบการใช้แรงงานเด็กที่เลวร้ายที่สุด ของกระทรวงแรงงานประกอบด้วยที่ www.dol.gov/ilab/reports/child-labor/findings/
ง. การเลือกปฏิบัติเกี่ยวกับการจ้างงานหรืออาชีพ
กฎหมายแรงงานไม่ได้ระบุห้ามการเลือกปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับเชื้อชาติ เพศกำเนิด เพศภาวะ ภาวะทุพพลภาพ ภาษา ความคิดเห็นทางการเมือง ศาสนา อายุ ถิ่นกำเนิดทางสังคม ถิ่นกำเนิดทางด้านชาติหรือสัญชาติ วิถีทางเพศหรืออัตลักษณ์ทางเพศภาวะ สถานะการติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคติดต่ออื่น ๆ หรือสถานภาพทางสังคม ไว้โดยชัดแจ้ง ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2559 เป็นต้นไป กฎหมายกำหนดให้ลงโทษจำคุก ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แก่ผู้กระทำผิดว่าด้วยการเลือกปฏิบัติเนื่องจากเพศ หรืออัตลักษณ์ทางเพศ ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจจ้างงานด้วย นอกจากนี้ มีกฎหมายอีกฉบับที่กำหนดให้สถานประกอบการที่มีพนักงานมากกว่า 100 คนจ้างพนักงานที่มีภาวะทุพพลภาพอย่างน้อยหนึ่งคนต่อสัดส่วนพนักงานทุก 100 คน
การเลือกปฏิบัติเกี่ยวกับการจ้างงานเกิดขึ้นกับบุคคลกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ แรงงานต่างด้าว และผู้หญิง (ดู หมวด 7.จ.) ระเบียบข้อบังคับทางราชการกำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าแรงและผลประโยชน์แก่ลูกจ้างที่ทำงานเหมือนกันอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่คำนึงว่าเป็นหญิงหรือชาย ผู้นำสหภาพระบุว่า โดยทั่วไปแล้ว ความแตกต่างของค่าจ้างระหว่างผู้ชายและผู้หญิงมีน้อย และสาเหตุหลักมาจากทักษะ ระยะเวลาการจ้างงาน ประเภทงานที่ไม่เหมือนกัน รวมไปถึงข้อกำหนดตามกฎหมายที่ห้ามมิให้ผู้หญิงทำงานที่อันตราย อย่างไรก็ตาม รายงานองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับปี พ.ศ. 2559 ว่าด้วยแรงงานต่างด้าวเพศหญิงที่ทำงานในอุตสาหกรรมการก่อสร้างในประเทศ ระบุว่า แรงงานต่างด้าวเพศหญิงได้รับค่าจ้างน้อยกว่าแรงงานเพศชายอย่างเสมอต้นเสมอปลาย และแรงงานต่างด้าวเพศหญิงกว่ากึ่งหนึ่งก็ได้รับค่าจ้างต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ทางการกำหนดด้วย โดยเฉพาะ ค่าล่วงเวลา นอกจากนี้ ยังมีการเลือกปฏิบัติต่อคนทุพพลภาพในเรื่องการจ้างงาน การเข้าถึงงาน และการอบรม
บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศในประเทศไทยมักเผชิญกับการถูกเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน ส่วนหนึ่งเพราะอคติของคนทั่วไปและการไม่มีกฎหมายและนโยบายมารองรับเรื่องการเลือกปฏิบัติ จากรายงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับปี พ.ศ. 2557 พบว่ามีการเลือกปฏิบัติในทุกขั้นตอนของกระบวนการการจ้างงาน ไม่ว่าจะเป็นการอบรมให้ความรู้ การเข้าถึงงาน โอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ประกันสังคม และผลประโยชน์ของคู่สมรส มีรายงานว่า พนักงานที่เป็นบุคคลข้ามเพศต้องเผชิญกับข้อจำกัดหลายประการมากกว่าที่กล่าวมาข้างต้น และทำงานจำกัดอยู่ในสาขาอาชีพเพียงไม่กี่สาขา เช่น ช่างเสริมสวย และผู้ให้ความบันเทิง
จ. สภาพการทำงานที่ยอมรับได้
อัตราค่าแรงรายวันขั้นต่ำในประเทศไทยแบ่งเป็น 4 ระดับด้วยกัน ขึ้นอยู่กับค่าครองชีพของแต่ละจังหวัด ได้แก่ 300 บาท (9.19 ดอลลาร์สหรัฐ) ใน 8 จังหวัด 305 บาท (9.34 ดอลลาร์สหรัฐ) ใน 49 จังหวัด 308 บาท (9.43 ดอลลาร์สหรัฐ) ใน 13 จังหวัด และ 310 บาท (9.50 ดอลลาร์สหรัฐ) ใน 7 จังหวัด มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม เป็นต้นไป และสูงกว่าเส้นความยากจนที่รัฐบาลคำนวณครั้งสุดท้ายเมื่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งอยู่ที่ 2,644 บาท (81 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อเดือน ถึงสามเท่า
กฎหมายกำหนดเวลาทำงานสูงสุดต่อสัปดาห์ คือ 48 ชั่วโมง หรือแปดชั่วโมงต่อวันเป็นเวลาหกวัน และทำงานล่วงเวลาได้ไม่เกิน 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ลูกจ้างที่ต้องทำงาน “เสี่ยงอันตราย” เช่น ในอุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมเหมืองแร่หรืออุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ต้องเกี่ยวข้องกับเครื่องจักรหนัก ห้ามทำงานเกิน 42 ชั่วโมงต่อสัปดาห์และห้ามทำงานล่วงเวลา พนักงานในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีห้ามทำงานเกิน 12 ชั่วโมงต่อหนึ่งวัน และทำงานต่อเนื่องได้ไม่เกิน 28 วัน
กฎหมายกำหนดให้สถานประกอบการต้องมีความปลอดภัยและถูกสุขอนามัย ซึ่งรวมถึงธุรกิจที่ทำที่บ้าน นอกจากนี้ ยังห้ามสตรีมีครรภ์และเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีทำงานในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตราย กฎหมายยังกำหนดให้นายจ้างแจ้งลูกจ้างถึงสภาพการทำงานที่เป็นอันตรายตั้งแต่ก่อนจ้างงาน พนักงานไม่มีสิทธิ์พาตัวเองออกจากสถานการณ์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือความปลอดภัยโดยไม่เกิดความเสี่ยงต่อหน้าที่การงาน
กฎหมายคุ้มครองแรงงานไม่ได้ครอบคลุมทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียมกัน ตัวอย่างเช่น ค่าแรงขั้นต่ำไม่ได้ใช้บังคับกับลูกจ้างที่ทำงานในหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ งานรับใช้ตามบ้าน งานที่ไม่ได้กำไร และงานเกษตรกรรมตามฤดูกาล กฎกระทรวงให้ความคุ้มครองบางประการแก่แรงงานที่ทำงานรับใช้ตามบ้านในเรื่องเกี่ยวกับวันลา อายุขั้นต่ำ และการจ่ายค่าแรง แต่ไม่ได้กล่าวถึงค่าแรงขั้นต่ำ ชั่วโมงทำงานปกติ ประกันสังคม หรือการลาคลอด
ยังคงมีช่องว่างด้านรายได้เป็นอย่างมากระหว่างการจ้างงานอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยแรงงานนอกภาคเกษตรกรรมได้รับค่าจ้างมากกว่าแรงงานในภาคเกษตรกรรมโดยเฉลี่ยสามเท่า สถิติจากรัฐบาลระบุว่า ร้อยละ 55 ของแรงงานทำงานอยู่ในภาคเศรษฐกิจที่ไม่เป็นทางการ โดยได้รับความคุ้มครองอย่างจำกัดภายใต้กฎหมายแรงงานและระบบประกันสังคม
มีรายงานว่า บริษัทขนาดเล็กในบางพื้นที่ (โดยเฉพาะพื้นที่ชนบนหรือบริเวณชายแดน) หรือในบางอุตสาหกรรม (โดยเฉพาะ เกษตรกรรม การก่อสร้าง และการประมง) ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านค่าแรงขั้นต่ำรายวัน ค่าล่วงเวลา และค่าจ้างสำหรับวันหยุด สหภาพแรงงานประมาณการว่าร้อยละ 5-10 ของคนงานได้รับค่าจ้างต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ อย่างไรก็ดี สัดส่วนของแรงงานที่ได้รับค่าจ้างต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำน่าจะมีสูงกว่าในกลุ่มของแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน แรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนไม่ค่อยขอรับการเยียวยาตามกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้ทำงานและพำนักอยู่ในประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับแรงงานสัมพันธ์ และความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการทำงาน กฎหมายกำหนดโทษปรับและโทษจำคุก หากนายจ้างไม่จ่ายค่าแรงขั้นต่ำตามที่กำหนด อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยค่าแรงขั้นต่ำนี้ยังมีความไม่คงเส้นคงวาอยู่ มีรายงานว่า มีหลายคดีที่นายจ้างไม่จ่ายค่าแรงขั้นต่ำตามที่กำหนด และก็ได้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย โดยที่คนงานตกลงที่จะระงับข้อพิพาท และอนุญาตให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างที่ค้างชำระในอัตราที่ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ โทษของการฝ่าฝืนข้อบังคับด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยคือ จำคุกและปรับ
โรงงานขนาดกลางและขนาดใหญ่มักดำเนินการตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยที่ทางการกำหนด แต่การบังคับใช้มาตรฐานด้านความปลอดภัยโดยรวมยังไม่เข้มงวด ในภาคเศรษฐกิจที่ไม่เป็นทางการ การให้ความคุ้มครองด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยยังคงต่ำกว่ามาตรฐาน องค์กรพัฒนาเอกชนและผู้นำสหภาพตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวไม่มีประสิทธิผล ได้แก่ จำนวนผู้ตรวจสอบที่มีคุณภาพมีไม่เพียงพอ ใช้วิธีตรวจสอบทางเอกสารมากเกินไป (แทนที่จะตรวจสอบที่สถานที่ทำงาน) ไม่มีการคุ้มครองแรงงานที่ยื่นคำร้องทุกข์ ไม่มีล่าม และไม่สามารถลงโทษนายจ้างที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิผล การเปลี่ยนแปลงนโยบายเมื่อ พ.ศ. 2559 ทำให้รัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนล่ามอย่างเรื้อรัง สำหรับการตรวจสอบแรงงานและการระบุเหยื่อค้ามนุษย์ กระทรวงแรงงานได้เพิ่มจำนวนล่ามที่ขึ้นทะเบียนเป็นสองเท่าตลอดปีที่ผ่านมา ล่ามเหล่านี้ปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ตรวจสอบตามท่าเรือประมงและกลุ่มค้ามนุษย์เสียส่วนใหญ่ กรมการจัดหางานได้ดำเนินการเพื่อเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิทธิขั้นพื้นฐานของแรงงานต่างด้าว ด้วยการบรรยายสรุปตามศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง ที่จัดตั้งขึ้นตามจุดผ่านแดนที่มีการค้ามนุษย์อย่างชุกชุม
รัฐบาลมีโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้แก่พลเมืองทุกคน ประกันสังคม และโครงการกองทุนเงินทดแทนเพื่อคุ้มครองลูกจ้าง ในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย และยังมีสิทธิประโยชน์สำหรับหญิงตั้งครรภ์และคนพิการ เงินช่วยเหลือบุตร และในกรณีที่เสียชีวิต ว่างงาน และเกษียณอายุ แรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนตลอดจนผู้อยู่ในอุปการะทั้งในภาคเศรษฐกิจที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการมีสิทธิซื้อประกันสุขภาพจากกระทรวงสาธารณสุข
องค์กรพัฒนาเอกชนรายงานว่า แรงงานก่อสร้างหลายคน โดยเฉพาะพนักงานรับเหมาค่าแรงและแรงงานต่างด้าว ไม่มีชื่อในระบบประกันสังคม หรือไม่ได้รับการคุ้มครองจากโครงการกองทุนเงินทดแทน แม้ว่ากฎหมายจะกำหนดไว้ก็ตาม แม้ว่ากฎหมายจะกำหนดให้ลูกจ้างทุกคนทำประกันสังคม แต่ลูกจ้างที่ทำงานในภาคเศรษฐกิจที่ไม่เป็นทางการ ลูกจ้างชั่วคราว ลูกจ้างตามฤดูกาล หรือผู้ที่มีอาชีพอิสระ อาจสมทบเงินเข้าสู่โครงการกองทุนเงินทดแทนด้วยตนเองได้ และได้รับเงินสมทบจากกองทุนร่วมลงทุนรัฐบาล
องค์กรพัฒนาเอกชนรายงานว่า มีหลายกรณีที่แรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนไม่มีประกันสังคมและไม่ได้รับเงินชดเชยในกรณีที่ประสบอุบัติเหตุ เนื่องจากนายจ้างไม่ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับด้านเงินช่วยเหลือ หรือเนื่องจากแรงงานต่างด้าวไม่ผ่านกระบวนการพิสูจน์สัญชาติ
มักจะถือกันว่าแรงงานในอุตสาหกรรมการประมงเป็นแรงงานตามฤดูกาล ด้วยเหตุนี้ กฎหมายจึงมิได้กำหนดให้มีประกันสังคมและค่าชดเชยเมื่อประสบอุบัติเหตุ การขาดการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการทำงาน การปฐมพยาบาล และระบบที่นำแรงงานที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุร้ายแรงไปส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา ที่เพียงพอ ยิ่งทำให้แรงงานประมงเปราะบางมากเป็นพิเศษ องค์กรพัฒนาเอกชนรายงานว่า มีหลายกรณีที่แรงงานต่างด้าวได้รับเพียงแค่ค่าสินไหมทดแทนขั้นต่ำ กรณีทุพพลภาพหรือเสียโฉมระหว่างปฏิบัติหน้าที่
องค์กรพัฒนาเอกชนรายงานว่า แรงงานต่างด้าว รวมถึงที่ปฏิบัติงานใกล้จุดผ่านแดน ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่ค่อยดีและไม่ได้รับความคุ้มครองด้านแรงงาน เมื่อเดือนมิถุนายน กระทรวงแรงงานได้ประกาศใช้พระราชกําหนดการบริหารจัดการการทํางานของคนต่างด้าว เพื่อกำกับดูแลการจ้างงาน การสรรหา และการคุ้มครองแรงงานต่างด้าว พระราชกำหนดฉบับนี้กำหนดบทลงโทษทางแพ่งที่รุนแรงกับผู้ที่ว่าจ้างหรือให้ที่พักอาศัยแก่แรงงานต่างดาวที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน และยกระดับความคุ้มครองแรงงาน ด้วยการห้ามมิให้นายหน้าจัดหาแรงงานและนายจ้างไทยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจัดหางานเพิ่มเติมกับแรงงานต่างด้าว นอกจากนี้ยังห้ามมิให้นายจ้างยึดเอกสารของแรงงานต่างด้าว และห้ามมิให้ผู้ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดตามกฎหมายแรงงานหรือกฎหมายปราบปรามการค้ามนุษย์ ประกอบธุรกิจสำนักงานจัดหางาน อย่างไรก็ตาม ผู้สนับสนุนก็รอคอยให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดฉบับนี้หลังจากที่รับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งเป็นการยืดระยะเวลาบังคับใช้บทบัญญัติ ออกไป 180 วัน ถึงเดือนมกราคม 2561 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน แรงงานต่าวด้าวที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนจำนวน 797, 685 คนดำเนินการขึ้นทะเบียนหรือเปลี่ยนเอกสารหรือสถานะทางกฎหมายของตน และนายจ้างจำนวน 198, 332 คนก็ได้ยื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียนแก่กรมจัดหางาน
บริษัทนายหน้าจัดหาแรงงานใช้ “ระบบสัญญาจ้างเหมางาน” โดยคนงานจะเซ็นสัญญาเป็นรายปี กฎหมายกำหนดให้บริษัทต้องให้ “ผลประโยชน์และสวัสดิการอย่างยุติธรรมโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ” แก่คนงานที่ทำสัญญาเหมา อย่างไรก็ดี นายจ้างมักจะจ่ายค่าจ้างแก่คนงานที่ทำสัญญาเหมาน้อยกว่าและได้สวัสดิการน้อยกว่าหรือไม่ได้เลย
องค์กรพัฒนาเอกชนตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าหนี้ในท้องถิ่นซึ่งส่วนมากเป็นเจ้าหนี้นอกระบบ ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงเพื่อให้คนงานนำไปจ่ายค่าหัวคิวซึ่งบางครั้งอาจสูงถึง 500,000 บาท (15,300 ดอลลาร์สหรัฐ) กรมการจัดหางานออกกฎจำกัดค่าธรรมเนียมสูงสุดในการจัดหางาน ทว่า การบังคับใช้ระเบียบดังกล่าวอย่างมีประสิทธิผลเป็นเรื่องยากและทำได้ไม่มากพอเนื่องจากแรงงานไม่เต็มใจให้ข้อมูลและขาดเอกสารหลักฐานทางกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดหางานใต้ดินและค่าธรรมเนียมเอกสาร ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการอพยพ สำนักงานจัดหางานที่แสวงหาผลประโยชน์จากพลเมืองไทยที่ทำงานในต่างประเทศยังคงคิดค่าธรรมเนียมการจัดหางานเป็นจำนวนเงินที่สูงและผิดกฎหมาย ซึ่งมักสูงเทียบเท่ากับรายได้ปีแรกและปีที่สองของการทำงานรวมกัน
ในปี พ.ศ. 2559 ซึ่งเป็นปีที่มีข้อมูลล่าสุด มีรายงานการเจ็บป่วยและบาดเจ็บในสถานประกอบการ 89,488 ครั้ง มีผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า มีการรายงานอุบัติเหตุในภาคเศรษฐกิจไม่เป็นทางการและภาคเกษตรกรรม และอุบัติเหตุในกลุ่มแรงงานต่างด้าวน้อยกว่าความเป็นจริง นอกจากนี้ ผู้ที่เจ็บป่วยอันมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับงานอาชีพมักไม่ค่อยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์หรือเงินชดเชยจากนายจ้าง อีกทั้งมีแพทย์หรือคลินิกเฉพาะทางสำหรับโรคเหล่านี้จำนวนน้อยมาก