การสื่อสารที่เปิดกว้างเป็นกุญแจสำคัญในช่วงวิกฤตด้านสาธารณสุข

Army soldiers wearing protective suits spray disinfectant as a precaution against the new coronavirus at a shopping street in Seoul, South Korea, Wednesday, March 4, 2020. (AP Photo/Ahn Young-joon)

(แปลจากบทความของ ShareAmerica เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563)

หลังจากที่ได้ยินเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาที่มีต้นกำเนิดจากประเทศจีนมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เจ้าหน้าที่ในเกาหลีใต้ได้ตั้งห้องปฏิบัติการขึ้นหลายแห่งเพื่อสนับสนุนการตรวจหาการติดเชื้อไวรัสให้ได้ 2 หมื่นคนต่อวัน ในไต้หวัน ทางการได้จัดแถลงข่าวประจำวันเพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารให้กับสาธารณชนได้รับทราบ และกำจัดข่าวลือต่างๆ ส่วนในสหรัฐอเมริกา สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) เร่งพัฒนางานวิจัยวัคซีนที่เป็นไปได้แทบจะในทันที

ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นแล้วว่า การรับมือที่รวดเร็ว เปิดกว้าง และโปร่งใส ช่วยรักษาชีวิตผู้คนได้นับไม่ถ้วน

หัวใจของการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ คือ การแบ่งปันข้อมูลข่าวสารทั่วโลก ดังเช่นเมื่อ พ.ศ. 2552 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯ ตรวจพบผู้ป่วย 2 ราย ซึ่งอาศัยอยู่ห่างกัน 130 ไมล์ (ประมาณ 209 กิโลเมตร) มีอาการป่วยจากโรคไข้หวัดซึ่งไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (U.S. CDC) ได้แจ้งเตือนไปยังประชาคมโลกอย่างรวดเร็ว

เพียง 9 วันหลังโรคไข้หวัดชนิดใหม่นี้ปรากฏขึ้นในซีกโลกตะวันตก เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้นำข้อมูลของลำดับพันธุกรรมฉบับสมบูรณ์ของเชื้อไวรัสชนิดนี้เข้าสู่ฐานข้อมูลสาธารณะ เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้รู้ทันไวรัสตัวนี้ และภายใน 2 สัปดาห์หลังสามารถระบุได้ว่าไวรัสชนิดนี้คือไวรัส H1N1 ทาง CDC ก็พัฒนาชุดทดสอบเป็นผลสำเร็จและส่งชุดทดสอบเหล่านี้ไปยัง 140 ประเทศ

ในการแพร่ระบาดล่าสุดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) CDC ได้เสนอที่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปยังเมืองอู่ฮั่นเมื่อวันที่ 6 มกราคม เพื่อช่วยสอบสวนการระบาด แต่รัฐบาลจีนมิได้ตอบรับข้อเสนอ กระทั่งในที่สุดบรรดาผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกันได้เดินทางเข้าไปในประเทศจีนร่วมกับคณะขององค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์

หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานว่า แม้หลังจากที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้แจ้งเตือนไปยังองค์การอนามัยโลก (WHO) ถึงการแพร่ระบาดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมแล้ว แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนกลับยับยั้งรายละเอียดสำคัญที่ว่า เชื้อไวรัสสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้

“31 ธ.ค. นั่นเป็นวันเดียวกับที่ไต้หวันพยายามเตือน WHO เป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการติดต่อจากคนสู่คน” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ มอร์แกน ออร์เทกัส ทวีตข้อความเมื่อวันที่ 23 มีนาคม “ส่วนทางการจีนปิดปากแพทย์และปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเป็นการติดต่อจากคนสู่คน กระทั่ง 20 ม.ค. ซึ่งตามมาด้วยหายนะ”

ในประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี และเกาหลีใต้ ทางการได้ออกมาชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัสโคโรนาและยอดผู้เสียชีวิตอยู่เป็นประจำ รวมไปถึงแบ่งปันข้อมูลระหว่างรัฐบาลและแจ้งข้อมูลให้กับสาธารณชนได้รับทราบ เพื่อช่วยกันชะลอการแพร่ระบาด

รัฐบาลทรัมป์ตั้งแผนรับมือเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วประเทศ โดยทุ่มงบประมาณหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ ไปในด้านสาธารณสุข และให้ทางการระดับรัฐ ระดับท้องถิ่น ภาคเอกชน และประชาชน เข้ามามีส่วนในการต่อสู้กับโรคนี้ คณะทำงานเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นใหม่โดยรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสโคโรนา ก็จัดให้มีการแถลงข่าวประจำวัน ซึ่งบรรดาผู้สื่อข่าวต่างมีอิสระที่จะถามคำถามอะไรก็ได้ตามแต่จะเลือกถาม

หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานว่า แม้จะมีการแพร่ระบาด แต่เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนในเมืองอู่ฮั่นกลับเดินหน้าเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนในวันที่ 18 มกราคม ซึ่งประชาชนหลายหมื่นคนรับประทานอาหารร่วมกัน และใช้ตะเกียบคีบอาหารให้กัน

ตลอดช่วงวิกฤต พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังพยายามปิดกั้นข้อมูลข่าวสารไม่ให้ไปถึงประชาชน และเมื่อหลี่ เหวินเลี่ยง แพทย์จากเมืองอู่ฮั่น เตือนเพื่อนร่วมงานของเขาเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่นี้ เขากลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน และถูกบีบบังคับให้ลงนามในจดหมายที่ให้คำมั่นว่าจะไม่ทำเช่นนั้นอีก ต่อมานายแพทย์หลี่ป่วยจากโรคโควิด-19 ขณะรักษาผู้ป่วยและเสียชีวิตลงในวันที่ 6 กุมภาพันธ์

“รัฐบาลจีนรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงนี้ ระบุเชื้อได้ พวกเขารู้เรื่องนี้ก่อนใคร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ไมเคิล อาร์. ปอมเปโอ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์หนึ่งเมื่อวันที่ 18 มีนาคม รัฐบาล “มิได้ทำสิ่งที่ถูกต้องและพาชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนไปตกอยู่ในความเสี่ยง”