- มิตรภาพสหรัฐฯ-ไทยด้านการศึกษาและวัฒนธรรม
- มิตรภาพสหรัฐฯ-ไทยด้านความมั่นคง
- มิตรภาพสหรัฐฯ-ไทยด้านการค้าและความมั่งคั่ง
- มิตรภาพสหรัฐฯ-ไทยด้านสาธารณสุข

คำบรรยายภาพ
- กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ร่วมมือกับรัฐบาลไทยระหว่างปี 2516-2529 ในการปลูกพืชทดแทนฝิ่น ในภาพถ่ายเมื่อเดือนตุลาคม 2520 เป็นการประชุมกันระหว่างอาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้, ดร. โดนัลด์ ดับเบิลยู. ฟิชเชอร์ หัวหน้าฝ่ายบริการวิจัยเกษตร กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ และหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง (ภาพถ่ายจากหนังสือ เส้นด้ายอเมริกันในผืนผ้าล้านนา)
- ที่ปรึกษาเอกอัครราชทูตฝ่ายกิจการการเกษตร แกรี ไมเยอร์ พูดคุยกับคุณไพโรจน์ ภัสสรภิญโญสกุล กรรมการผู้จัดการริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ต ในพิธีเปิดเทศกาลส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์อเมริกัน จังหวัดเชียงใหม่ ปี 2549 (ภาพถ่ายจากหนังสือ เส้นด้ายอเมริกันในผืนผ้าล้านนา)
- กงสุลใหญ่สหรัฐฯ ซูซาน สตีเวนสัน (พ.ศ. 2553-2555) เยี่ยมชมบริษัทเป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) ที่จังหวัดลำพูนในปี 2554 บริษัทเป๊ปซี่-โคล่าเป็นบริษัทอเมริกันขนาดใหญ่ที่สุดที่ดำเนินธุรกิจในภาคเหนือของไทย ทุกปีบริษัทจะรับซื้อมันฝรั่งกว่า 30,000 ตันจากเกษตรกรในภาคเหนือเพื่อผลิตเป็นขนมขบเคี้ยวจำหน่ายทั่วประเทศไทย (อนุเคราะห์ภาพถ่ายโดยพนักงานสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ)
- กงสุลใหญ่สหรัฐฯ เทอร์เรลล์ อาร์. โอทิส (พ.ศ. 2528-2530) ต้อนรับนายโรนัลด์ แมคโดนัลด์ สู่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อร่วมกิจกรรมสาธารณกุศลในปี 2529 (ไม่ปรากฏชื่อผู้ถ่ายภาพ)
- กงสุลใหญ่สหรัฐฯ ไมเคิล มอร์โรว์ (พ.ศ. 2550-2553) ร่วมกับผู้แทนจากบริษัทแอมเวย์ บริษัทการตลาดหลายชั้นของอเมริกาที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ความงาม และการดูแลบ้าน ในพิธีเปิดสาขาของบริษัทในจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2552 (ภาพถ่ายโดยพนักงานสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ)
- เอกอัครราชทูตจอห์น กันเธอร์ ดีน (พ.ศ. 2524-2528) และประธานมูลนิธิโครงการหลวง หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เยี่ยมชมโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ ซึ่งสนับสนุนโดยองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ทศวรรษ 1980 (พ.ศ. 2523-2532) (ภาพถ่ายจากหนังสือ เส้นด้ายอเมริกันในผืนผ้าล้านนา)
ในปี 2563 นับเป็นวาระครบรอบ 187 ปีที่ราชอาณาจักรไทยลงนามในสนธิสัญญาไมตรีและพาณิชย์ของสหรัฐฯ อันเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งงอกงามมาเกือบ 200 ปี นับแต่นั้นมา บริษัทอเมริกันหลายร้อยบริษัทได้ลงทุนในไทย โดยสร้างงานให้คนไทยหลายหมื่นคนและยังประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับทั้งสหรัฐฯ และไทย ธุรกิจของเราที่ชื่อคุ้นหูมีมากมาย ทั้งเป๊ปซี่ ฟริโต้-เลย์ ฟอร์ด และแอมเวย์ ซึ่งต่างก็ดำเนินงานในภาคเหนือของไทยมาหลายทศวรรษและยังคงเชื่อมั่นว่าไทยเป็นสถานที่ตั้งอันเหมาะสม
ตลอดระยะเวลา 70 ปีตั้งแต่มีการก่อตั้งสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ ในเชียงใหม่ สหรัฐฯ และพันธมิตรหุ้นส่วนของเราในภาคเหนือของไทยได้ร่วมกันขยายการค้าและสร้างความมั่งคั่งผ่านโครงการข้อริเริ่มด้านการพัฒนาการเกษตร การลงทุนเชิงพาณิชย์ โครงการสร้างเสริมศักยภาพ รวมทั้งผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง (LMI) ที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านการพัฒนาและนโยบายระหว่างประเทศ ซึ่งมีความซับซ้อนในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนล่าง
โครงการข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง (LMI) จัดทำขึ้นในปี 2552 โดยสหรัฐฯ และประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเติบโตอย่างเท่าเทียม ยั่งยืน และมีส่วนร่วมในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนล่าง LMI มุ่งเน้นการรับมือกับความท้าทายด้านการพัฒนาในภูมิภาคด้วยการดำเนินโครงการสร้างเสริมศักยภาพต่าง ๆ โดยรัฐบาลของประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนล่างมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงผ่าน LMI และโครงการ SERVIR-Mekong สหรัฐฯ ได้สนับสนุนทุนหลายล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อส่งเสริมธรรมาภิบาลของทรัพยากรน้ำข้ามพรมแดนและการอนุรักษ์น้ำเพื่อช่วยประเทศไทยในการปกป้องพรมแดนและสร้างอนาคตที่ปลอดภัยและรุ่งเรืองสำหรับประชาชนชาวไทย
ในปี 2502 รัฐบาลไทยประกาศให้การผลิตฝิ่นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย นับเป็นความพยายามก้าวแรกในการกำจัดการค้ายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำอันเป็นที่โจษจัน ด้วยการนำพืชชนิดใหม่และเทคนิคการเกษตรแบบใหม่มาแนะนำให้แก่ชาวเขาและเกษตรกรทางภาคเหนือ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงแสดงความห่วงใยในความเป็นอยู่ของชาวเขาในภาคเหนือ และทรงเป็นห่วงว่าการที่พวกเขาติดฝิ่นจะเป็นภัยคุกคามต่อมาตรฐานความเป็นอยู่และความมั่นคงของประเทศไทย ต่อมาพระองค์ทรงเป็นผู้นำในการหาพืชมาปลูกทดแทนฝิ่น และในปี 2515 สหประชาชาติก็ได้ร่วมโครงการปลูกพืชทดแทนที่พระองค์ได้ทรงริเริ่มไว้
ตั้งแต่ทศวรรษ 1960 (พ.ศ. 2503-2512) เป็นต้นมา นักวิจัย มิชชันนารี และนักธุรกิจชาวสหรัฐฯ ได้มีส่วนช่วยรัฐบาลสหรัฐฯ และไทยในโครงการพัฒนาชนบท ซึ่งทำให้ไทยได้รับการยกย่องให้เป็นแบบอย่างระดับโลกในการปลูกพืชทดแทนและลดการใช้ยาเสพติด มูลนิธิของสหรัฐฯ เช่นมูลนิธิฟอร์ดและมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ได้สนับสนุนการฝึกอบรมและการวิจัยด้านการพัฒนาการเกษตร และได้ริเริ่มโครงการต่าง ๆ ที่ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน งานของมูลนิธิฟอร์ดในด้านการเกษตรและสังคมศาสตร์ครอบคลุมไปถึงโครงการปลูกพืชหมุนเวียนและศูนย์ภูมิภาคด้านสังคมศาสตร์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
โครงการหลายโครงการของกระทรวงการเกษตรสหรัฐฯ อยู่ภายใต้การดำเนินงานของสถานีวิจัยและพัฒนาดอยอ่างขาง ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2517 โดยโครงการพัฒนาเกษตรที่สูง ซึ่งในขณะนี้เป็นส่วนหนึ่งของมูลนิธิโครงการหลวง กระทรวงการเกษตรสหรัฐฯ ประสานงานกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในการหาพืชที่ตลาดต้องการและสามารถปลูกบนภูเขาได้ โดยลูกท้อและไม้ผลผลัดใบเป็นผลิตผลแรก ๆ ที่ประสบความสำเร็จ
ในปี 2519 กระทรวงการเกษตรสหรัฐฯ เริ่มให้ทุนสนับสนุนโครงการส่งเสริมด้านการเกษตรในภาคเหนือของไทย ซึ่งช่วยพัฒนาพันธุ์พืชและนำมาเพาะปลูกในแปลงวิจัยของสถานีทดลอง 5 โครงการ สำนักวิจัยทางการเกษตรของกระทรวงการเกษตรสหรัฐฯ ให้ทุนสนับสนุนและความร่วมมือในการเพาะเห็ด มันฝรั่ง เก็กฮวย ดอกคาร์เนชั่น กาแฟ สมุนไพรและเครื่องเทศ ถั่วแมคคาเดเมีย รวมไปถึงการเลี้ยงแกะ โดยมีการนำผลไม้ ดอกไม้ และผักเหล่านี้เข้าสู่ตลาดภาคเหนือก่อน และปัจจุบันนี้ได้นำออกจำหน่ายทั่วประเทศภายใต้ตราสินค้าดอยคำของมูลนิธิโครงการหลวง
ระหว่างปี 2516-2529 กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ใช้งบประมาณกว่า 6 ล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการพัฒนาพืชทดแทน และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน หน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้มอบทุนกว่า 86 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนการปราบปรามการผลิตยาเสพติด การลักลอบค้า และการใช้ยาเสพติดของไทย และสร้างเสริมขีดความสามารถในการบังคับใช้กฎหมาย นอกจากนี้ โครงการที่ได้รับการสนับสนุนทุนจาก USAID เช่น โครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่แจ่มมูลค่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างปี 2523-2532 ก็สามารถลดการปลูกฝิ่น ออกเอกสารสิทธิ์ในการใช้ที่ดินให้แก่ชาวบ้าน และพัฒนาระบบสาธาณูปโภค สิ่งแวดล้อม ที่ดิน ผลผลิตทางการเกษตรและบริการทางสังคมในอำเภอแม่แจ่ม อีกโครงการหนึ่งของ USAID คือโครงการการศึกษาสำหรับชาวเขามูลค่า 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างปี 2523-2529 ซึ่งช่วยพัฒนาระบบการศึกษานอกโรงเรียนระดับประถมศึกษาสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ซึ่งตอบสนองต่อความต้องการของชาวเขา
สถิติของประเทศไทยชี้ว่าพื้นที่การปลูกฝิ่นลดลงจากเกือบ 55,000 ไร่ในปี 2528 เหลือเพียง 687.5 ไร่ในปี 2548 หน่วยงานของสหรัฐฯ ในประเทศไทย ยังร่วมมือใกล้ชิดกับมูลนิธิโครงการหลวงและมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง อีกทั้งยังสนับสนุนการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายปราบปรามยาเสพติด และให้ทุนร่วมกับสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (U.S. National Institute of Health) เพื่อสนับสนุนการค้นคว้าเกี่ยวกับการติดยาเสพติดและบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดในจังหวัดเชียงใหม่
ด้วยการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและกว้างขวางของสหรัฐฯ ประเทศไทยได้กลายเป็นต้นแบบสำหรับนานาชาติในเรื่องการปลูกพืชทดแทนฝิ่น ในขณะเดียวกันก็ยังพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวชนบท ส่งเสริมโครงการลดอุปสงค์ด้านยาเสพติด และเพิ่มขีดความสามารถด้านการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งสหรัฐฯ และสหประชาชาติได้ตัดชื่อประเทศไทยออกจากบัญชีรายชื่อ “ประเทศหลัก” ที่ผลิตยาเสพติดในปี 2547 มูลนิธิโครงการหลวงซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ มากว่า 30 ปีได้ดึงดูดนักวิจัยและข้าราชการจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่สนใจนำโครงการพืชทดแทนและโครงการพัฒนาทางเลือกที่ประสบผลสำเร็จไปใช้ ปัจจุบัน รัฐบาลและหน่วยงานนอกภาครัฐของสหรัฐฯ ยังคงร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ของไทยในภาคเหนือ ส่งเสริมการพัฒนาทางการเกษตร สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งมีความสำคัญให้มีความก้าวหน้าต่อไป