เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม เอกอัครราชทูตเดวีส์และภริยาเดินทางเยือนจังหวัดพังงาเพื่อใช้โอกาสนี้สนับสนุนภารกิจ #OurOcean ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น แคร์รี ด้วยการเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) โดยเอกอัครราชทูตเดวีส์ได้กล่าวเน้นย้ำระหว่างเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาถึงพันธกิจของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ต่อประเด็นหลักทั้งสี่ของ #OurOcean อันได้แก่ พื้นที่คุ้มครองทางทะเล การทำประมงยั่งยืน มลภาวะทางทะเล และผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศต่อมหาสมุทร นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตเดวีส์ยังได้พบกับองค์การนอกภาครัฐในท้องถิ่นและองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์แรงงานอพยพจากพม่าและบทบาทของแรงงานอพยพดังกล่าวในอุตสาหกรรมการเกษตรและการประมงในภาคใต้ของไทย
ต่อข้อถามของผู้สื่อข่าวถึงผลประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตเดวีส์ตอบว่า ท่านทราบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศผลเบื้องต้นแล้ว และเห็นได้ชัดว่า ผู้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญ ท่านกล่าวต่อว่า “จากผลประชามตินี้และผลอย่างเป็นทางการที่จะประกาศในไม่ช้า สหรัฐอเมริกาในฐานะมิตรประเทศและพันธมิตรอันยาวนานของไทยขอให้รัฐบาลกลับคืนสู่การปกครองโดยรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และหนทางหนึ่งในการกลับคืนสู่การปกครองโดยรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง เราขอเรียกร้องอย่างยิ่งให้รัฐบาลยกเลิกการจำกัดเสรีภาพของพลเมือง ซึ่งรวมถึงการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมโดยสงบ เราเรียกร้องสิ่งเหล่านี้ด้วยเหตุผลเดิมเสมอมาคือ ในฐานะมิตรประเทศและพันธมิตรของไทย เราเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ไทยเข้มแข็งขึ้น และเราเชื่อว่า หนทางเดียวที่ไทยจะเข้มแข็งได้ในที่สุดก็ต่อเมื่อชาวไทยทุกภาคส่วนได้ร่วมพูดคุยอย่างเปิดกว้างถึงอนาคตของพวกเขา เราเชื่อว่า นี่เป็นหนทางที่มีประสิทธิผลที่สุดในการสร้างอนาคตที่เข้มแข็งและยั่งยืนสำหรับประเทศไทย ซึ่งเราชาวอเมริกันมีความห่วงใยอย่างยิ่ง เราอยากให้ชาวไทยเป็นหนึ่งเดียวกันและก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างเข้มแข็ง และนี่คือเหตุผลว่าทำไม เราจึงเรียกร้องให้รัฐบาลอนุญาตให้มีเสรีภาพดังกล่าวข้างต้น รวมทั้งกลับคืนสู่การปกครองโดยรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว”