นางแอนน์ ซี. ริชาร์ด ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ฝ่ายประชากร ผู้ลี้ภัยและการย้ายถิ่น เดินทางเยือนราชอาณาจักรไทยระหว่างวันที่ 28-29 พฤษภาคม โดยเป็นผู้นำคณะผู้แทนสหรัฐฯ เข้าร่วมการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย (Special meeting on Irregular Migration in the Indian Ocean) ซึ่งรัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานครในวันที่ 29 พฤษภาคม
ในระหว่างการประชุม ผช.รมต. ริชาร์ดได้ย้ำถึงพันธกิจของสหรัฐอเมริกาในการสนับสนุนความพยายามที่นำโดยภูมิภาคเพื่อแก้ไขปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติเพื่อช่วยชีวิตมนุษย์และแก้ไขปัญหาการโยกย้ายถิ่นที่ต้นเหตุ และเน้นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างรัฐบาลชาติต่างๆ และองค์กรระหว่างประเทศเพื่อสร้างโอกาสให้มีการโยกย้ายถิ่นฐานที่ถูกกฎหมาย ปลอดภัยและเป็นระเบียบ รวมทั้งคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของผู้ย้ายถิ่นและประชาชนในประเทศต้นทางด้วย ผช.รมต. ริชาร์ด ได้เสนอความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ด้านวิชาการว่าด้วยแนวทางปฏิบัติที่ดีในการแก้ไขและป้องกันการลักลอบนำคนเข้าเมือง การค้ามนุษย์ และการกระทำทารุณอื่นๆ ต่อผู้ย้ายถิ่น นอกจากนี้ ผช.รมต. ริชาร์ดได้เรียกร้องให้รัฐบาลในภูมิภาคนี้จัดทำเกณฑ์วิธีในการดำเนินการกับผู้ย้ายถิ่นแบบไม่ปกติ ผู้อพยพ ผู้แสวงหาที่พักพิง และเหยื่อการค้ามนุษย์ที่อยู่ในทะเลเพื่อให้ความคุ้มครองแก่ผู้ที่จำเป็นต้องรับความคุ้มครอง และนำส่งกลับประเทศเดิมด้วยลักษณะที่มีมนุษยธรรมสำหรับผู้ที่ไม่มีความจำเป็นรับความคุ้มครอง โดยกล่าวว่า “เมื่อเราร่วมมือทำงานกัน เราก็สามารถดำเนินการในลักษณะที่จะส่งเสริมความมั่นคง เสถียรภาพและความรุ่งเรืองของภูมิภาคได้”
นอกจากนี้ ผช.รมต. ริชาร์ดยังได้ประกาศมอบความช่วยเหลือมูลค่าสามล้านเหรียญสหรัฐให้แก่องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ตามคำร้องขอฉุกเฉินเพื่อสนับสนุนความพยายามระดับภูมิภาค เงินเหล่านี้จะสนับสนุนการดำเนินงานที่ประสานและนำโดยรัฐบาลในภูมิภาคซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อประกันความปลอดภัยและความมั่นคงของผู้ย้ายถิ่น และประกันว่า การบริหารจัดการการโยกย้ายถิ่นฐานและการข้ามพรมแดนจะเป็นไปอย่างมีมนุษยธรรมและเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมถึงแก้ไขปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติที่ต้นเหตุ โดยเงินช่วยเหลือครั้งนี้เป็นเงินเพิ่มเติมสำหรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมูลค่า 109 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสนับสนุนชาวพม่าในประเทศพม่าและในภูมิภาคนี้ที่ตกอยู่ในความเสี่ยง ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ได้มอบให้ตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา